วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Robot Evolution - หุ่นยนต์วิวัฒน์ (ตอนที่ 4)

นักวิทยาศาสตร์ฝันว่าสักวันหนึ่ง เราจะสามารถถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ ความมีชีวิตจิตใจ ให้เข้าไปอยู่ในหุ่นยนต์ได้ แต่ก่อนอื่น หุ่นยนต์จะต้องมีผัสสะแบบที่มนุษย์มีเสียก่อน นั่นคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ซึ่งเป็นสัมผัสประดิษฐ์ (Artificial Sense) ผมเองก็ทำวิจัยเกี่ยวกับสัมผัสประดิษฐ์อยู่ 3 อย่าง คือ จมูกประดิษฐ์ (Artificial Nose) ลิ้นอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Tongue) และ ผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Skin) ซึ่ง เทคโนโลยีทั้ง 3 อย่างนี้กำลังเป็นที่สนใจทั่วโลก ซึ่งไม่เพียงแต่นำมาประยุกต์ในหุ่นยนต์ได้เท่านั้น แต่ยังนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีกมากมายเลยครับ
การทำให้หุ่นยนต์มีสัมผัสไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นนัก แต่การที่จะทำให้หุ่นยนต์มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ ยังเป็นสิ่งท้าทายอยู่มาก ดังที่
ศาสตราจารย์ ลีโอ แวน เฮมเมน หัวหน้าสถาบันชีวฟิสิกส์เชิงทฤษฎี แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งมิวนิค (ผมก็เคยไปทำวิจัยหลังปริญญาเอกที่นี่ครับ เมืองมิวนิคน่าอยู่มาก มีงานเทศกาล October Fest ที่เมาเบียร์กันได้ทั้งเดือน ......) ได้กล่าวไว้ว่า "เทคโนโลยีของพวกเราได้ล้ำหน้าสิ่งที่มีในธรรมชาติ ไปหลายๆ เรื่องแล้วครับ แต่เรื่องสำคัญบางอย่างนั้น เรากลับไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่ อย่างเช่น การนำสัมผัสมาประกอบเป็นความรู้สึก"
สัตว์ หลายชนิดมีระบบสัมผัสที่มนุษย์เราไม่มี เราอาจเรียกสัมผัสเหล่านั้นว่าเป็น Sixth Sense ก็ได้ หากใครก็ตามที่มีความสามารถเช่นนั้น ตัวอย่างก็คือ ปลาและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำบางชนิด มีสัมผัสพิเศษที่ทำให้มันสามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมเพียง เล็กน้อย เสมือนได้จับต้องกับวัตถุที่อยู่รอบๆ ตัวมัน โดยมันไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสหรือเห็นวัตถุนั้นเลย สัตว์ หลายชนิดสามารถใช้อวัยวะของมันเพื่อตรวจดูสิ่งแวดล้อม ด้วยรังสีอินฟราเรด คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษเหมือนพวกเรา ด้วยเหตุนี้ ทีมของศาสตราจารย์เฮมเมน จึงสนใจค้นคว้าสัมผัสพิเศษของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ โดยหวังว่าสักวันหนึ่ง เราอาจจะสร้างสัมผัสประดิษฐ์แบบนี้ให้แก่หุ่นยนต์ได้


Robot Evolution - หุ่นยนต์วิวัฒน์ (ตอนที่ 3)

ศตวรรษ ที่ 20 เป็นศตวรรษของฟิสิกส์ การค้นพบอะตอม อิเล็กตรอน และกลศาสตร์ควอนตัม ได้นำมาสู่การปฎิวัติเทคโนโลยีที่ทำให้เรากินดูอยู่ดีทุกวันนี้ครับ แต่ศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษของชีววิทยาครับ จริงๆ ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ต้องบอกว่า ศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษของวิทยาศาสตร์แห่งชีวิต ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของชีววิทยาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงวิทยาศาสตร์ของจิตใจ (Mind Science) ด้วย อีกไม่นานหรอกครับ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ซึ่งห่างเหินและแยกกันอยู่จากวิทยาศาสตร์มานาน จะหวนกลับมารวมกับวิทยาศาสตร์อีกครั้ง มนุษยศาสตร์กับสังคมศาสตร์แบบเก่าจะสูญพันธุ์ เหลือแต่ มนุษยศาสตร์กับสังคมศาสตร์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ครับ ใครไม่เชื่อลองไปดูที่ฮาร์วาร์ด (Harvard University) กับ MIT ทั้งสองมหาวิทยาลัยนี้ มีการวิจัยทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ที่ล้ำหน้ามาก
ตั้งแต่ต้นศตวรรษนี้เป็นต้นไป คนเราจะถามตัวเองมากขึ้นว่า เราเป็นใคร มาจากไหน เกิดมา
ทำไม และอยู่เพื่ออะไร เราจะถามตัวเองมากขึ้นว่าเราอยู่โดดเดี่ยวในจักรวาลหรือเปล่า มี เรามีตัวตนจริงๆหรือว่าเป็นเพียงแค่โปรแกรมที่รันอยู่ใน computer simulation เราจะสงสัยมากขึ้นว่าเราสามารถที่จะชะลอความแก่เพื่อยืดอายุของเราเองให้ยาวนานออกไปเป็น 1000 ปีได้หรือไม่
คำ ถามหนึ่งที่เราจะถามมากขึ้น ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเมื่อสิ้นศตวรรษนี้แล้วเราจะได้คำตอบ แต่การแสวงหาหนทางไปสู่คำตอบนี้ จะทำให้เราได้เทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมาอีกมากมาย คำถามนั้นก็คือ ชีวิตคืออะไร ??? แล้วเราสามารถที่จะสร้างชีวิตขึ้นมาเองได้หรือไม่ ???
สิ่งที่เป็นข้อถกเถียงกันมานานแล้วก็คือ เราสามารถสร้างความ "มีชีวิต" ให้แก่หุ่นยนต์ได้หรือไม่ จริงๆแล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้นิยามสิ่งมีชีวิตขั้นต่ำที่สุดก็คือแบคทีเรีย
ในปัจจุบันนี้ เรามีศักยภาพในการสร้างแบคทีเรียสังเคราะห์ (Synthetic Bacteria) ได้แล้ว แต่เรายังไม่สามารถทำหุ่นยนต์ให้มีชีวิตได้ตามนิยามของสิ่งมีชีวิต แบคทีเรีย เป็นสิ่งมีชีวิตแต่ไม่มีจิตใจ ไม่มีความรู้สึก ไม่มีอารมณ์ แต่ดูเหมือนตอนนี้เรามีความสามารถในระดับหนึ่งที่จะสร้างอารมณ์ให้หุ่นยนต์ ซึ่งเป็นพื้นฐานเบื้องต้นไปสู่การทำให้มันมีจิตใจ
ศาสตราจารย์ รอดนีย์ บรูคส์ (Rodney Brooks) นักวิจัยทางด้านหุ่นยนต์ศาสตร์แห่ง MIT กล่าวว่า "พวกเราเองก็เป็นจักรกลเหมือนกันครับ ไม่ต่างจากพวกหุ่นยนต์หรอกครับ เพียงแค่ชิ้นส่วนของเราทำมาจากวัสดุชีวภาพก็แค่นั้นเอง" ท่าน เชื่อว่าไม่เพียงแต่เนื้อหนังของเราเท่านั้นที่มีความเป็นจักรกล อารมณ์และความรู้สึกก็ใช่ด้วย เพราะอารมณ์ต่างๆ เช่น ความเศร้าโศกเสียใจ ก็เกิดจากสารเคมีประสาทที่หลั่งในสมอง ถ้าเราเข้าใจกลไกเหล่านี้ดีพอ ทำไมเราจะโปรแกรมโค้ดพวกนี้เข้าไปในหุ่นยนต์ไม่ได้ล่ะ ......



อ้างอิงจาก http://pi.eng.src.ku.ac.th/mod/forum/discuss.php?d=5140

Robot Evolution - หุ่นยนต์วิวัฒน์ (ตอนที่ 2)

สัปดาห์ ที่ผ่านมาผมค่อนข้างยุ่งมากเลยครับ เพราะช่วงนี้เป็นฤดูกาลเขียนขอทุนวิจัย ซึ่งพวกเราจำเป็นจะต้องเขียน proposal เข้าไปแข่งขัน เพื่อนำทุนวิจัยมาทำงานและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกิดประโยชน์ นอก จากนั้นยังมีงานต้องเขียนบทความวิจัย หรือที่ภาษานักวิชาการเขาเรียกกันว่า paper ซึ่งบทความวิจัยเหล่านี้ต้องส่งไปตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติครับ เป็นการรวบรวมผลงาน ความคิด การทดลองต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบตามหลักวิทยาศาสตร์ การ ส่งไปตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติมีข้อดีที่ว่า (1) จะมีกรรมการอ่านจากหลายประเทศ เขาจะวิจารณ์และตรวจสอบว่างานของเราได้เรื่องหรือไม่ (2) งานที่ถูกตีพิมพ์จะมีคนเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ทั้งโลก (3) งานที่ทำจะได้เป็นงานที่ไม่เก่ากึ๊ก ทำซ้ำไปซ้ำมา เพราะมีคนตรวจสอบเรา ซึ่งไม่มีเส้นมีสาย ตรงไปตรงมา
อย่างที่ผมมักเคยบอกกล่าวตลอดมาล่ะครับว่า ศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษแห่งชีววิทยา เจ้าของบริษัท Google ก็มีภรรยาเป็นนักชีววิทยาครับ ทำให้ตอนนี้ Google เข้ามามีบทบาทในวงการธุรกิจการแพทย์และสุขภาพแล้ว วันนี้ ผมจะมาเล่าเกี่ยวประเด็นที่วงการหุ่นยนต์กำลังให้ความสนใจ นั่นก็คือ การมีวิวัฒนาการของหุ่นยนต์ เฉกเช่น วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ณ ห้องปฏิบัติการระบบอัจฉริยะ (
Laboratory of Intelligent Systems) สังกัด Swiss Federal Institute of Technology เขามีการศึกษาความสามารถในการวิวัฒน์ของหุ่นยนต์ ด้วยการนำฝูงหุ่นยนต์ ที่เรามักรู้จักกันได้นาม Robot Swarm มาศึกษาพฤติกรรม โดยหุ่นยนต์แต่ละตัวจะติดตั้ง LED และตัวตรวจจับแสง จาก นั้นก็ปล่อยหุ่นยนต์วิ่งไปวิ่งมาตามสบาย โดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานเหมือนระบบประสาท (Neural Networks) ทางคณะวิจัยจะฉายแสงลงไปบนพื้น โดยแบ่งออกเป็นพื้นที่ส่วนที่เรียกว่า Food Zone คือหากหุ่นยนต์วิ่งมาในพื้นที่นี้ มันจะได้รับการชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มพลัง แต่ถ้าหากมันหลงวิ่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็น Poison Zone มันจะถูกดูดแบตเตอรี่ออกไป ทำให้ชีวิตมันสั้นลงไปเรื่อยๆ
หลังจากปล่อยให้หุ่นยนต์วิ่งไปวิ่งมา ก็จะเหลือหุ่นยนต์ที่รอดเหลือพลังงาน โดยที่ส่วนหนึ่งจะพลังงานหมด ตัว ที่รอดจะถูกเลือกใช้เป็นโปรแกรมของหุ่นยนต์รุ่นต่อไป หลังจากมีการจำลองให้มีวงจรการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นรุ่นๆ ไปสัก 50 รุ่น นักวิจัยพบว่าหุ่นยนต์ได้มีการเรียนรู้ เกิดเป็นสังคมที่มีการช่วยเหลือกัน เพื่อที่จะหาอาหาร และ หลีกเลี่ยงอันตราย ที่น่าแปลกใจไป กว่านั้นก็คือ หุ่นยนต์บางตัวมีลักษณะฮีโร่ คือ ยอมเข้าไปในเขตอันตราย เพื่อกระพริบไฟเตือนตัวอื่นๆ ไม่ให้วิ่งเข้ามา แต่ที่น่าตื่นเต้นก็คือ มีหุ่นยนต์บางตัวแสดงบทบาทเป็นตัวร้าย ด้วยการกระพริบไฟหลอกให้ตัวอื่นๆ วิ่งเข้ามาในเขตอันตราย โดยหลอกว่าเป็นเขตอาหาร เมื่อตัวอื่นวิ่งเข้ามาเดี้ยงแล้ว มันก็รีบวิ่งหนีไปกินอาหารทันที !!!


Robot Evolution - หุ่นยนต์วิวัฒน์

ช่วงนี้วงการวิทยาศาสตร์กำลังเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 150 ปี ทฤษฎีวิวัฒนาการของ ชาร์ล ดาร์วิน ซึ่งทฤษฎีสะท้านโลกนี้ได้นำดาวเคราะห์ของเราออกจากความงมงายในเรื่องพระเจ้า สร้างโลก ทำให้พวกเราประจักษ์ชัดว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายนั้นวิวัฒนาการมาจากกระบวนการ ทางเคมีที่เริ่มจากขั้นตอนง่ายๆ ไปสู่ความซับซ้อน ชาร์ล ดาร์วิน ได้เชื่อมโยงหลักฐานต่างๆอย่างมีระบบ ทำให้เราเข้าใจความมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และที่สำคัญก็คือกระบวนการทางธรรมชาติที่เรียกว่า Natural Selection (การคัดเลือกตามธรรมชาติ) นั้นได้ถูกเปิดเผยออกมา ทำให้ เรารู้ว่าโลกที่เราอาศัยอยู่ขณะนี้ มีการแข่งขันระหว่างสายพันธุ์ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา เมื่อไรที่สายพันธุ์ของเราอ่อนแอ ก็จะถูกแทนที่ด้วยสายพันธุ์อื่นๆ ได้เช่นกัน
แต่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้านั้น อาจไม่ได้มีแค่สิ่งมีชีวิตเท่านั้นที่จะเข้ามาแข่งขันเพื่อเป็นสายพันธุ์ที่ ธรรมชาติคัดเลือก ทั้งนี้เพราะตอนนี้หุ่นยนต์แบบชีวะ ก็เริ่มมีวิวัฒนาการแบบสิ่งมีชีวิตแล้วล่ะครับ มีการวิจัยที่พยายามทำให้หุ่นยนต์สามารถที่จะมี evolution ได้แบบสิ่งมีชีวิต นักวิจัยได้พัฒนาหุ่นยนต์ที่เรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเอง เช่น หุ่นยนต์ที่มีล้อ สามารถที่จะเรียนรู้ที่จะเดินหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ เมื่อเราติดเซ็นเซอร์เพิ่มเติม หุ่นยนต์ก็จะเรียนรู้ที่จะใช้อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มเอง พอลองผิดลองถูกไปสักพัก มันก็จะใช้อุปกรณ์ใหม่ได้อย่างคล่องแคล่ว นักวิจัยได้ลองใส่ล้อเพิ่มเข้าไปให้หุ่นยนต์ หุ่นยนต์สามารถที่จะเรียนรู้อุปกรณ์ที่เพิ่มเข้ามา ลองผิดลองถูกว่ามันมีข้อได้เปรียบอย่างไร เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ หากอุปกรณ์ส่วนใดบกพร่อง มันจะเรียนรู้เพื่อที่จะอยู่กับของที่ยังมีอยู่ ในภาพยนตร์เรื่อง
wall-e นั้น เจ้าหุ่นกระป๋องเก็บขยะ เรียนรู้ที่จะ recycle สายพานล้อของมัน จากตัวที่เสียไปแล้ว


หุ่นยนต์มนุษย์

24 กันยายน 2549 ศาสตราจารย์ฮิโรชิ อิชิกูโร (Hiroshi Ishiguro) นักวิจัยญี่ปุ่น ได้เปิดตัวหุ่นยนต์รีไพล คิว 1 (Repliee Q1) หรือหุ่นยนต์แอนดรอยด์ (Android) ซึ่งมีความคล้ายมนุษย์มากที่สุดนับตั้งแต่ญี่ปุ่นผลิตหุ่นยนต์มา โดยได้รับการออกแบบให้สามารถกระพริบตา เคลื่อนไหวแขน ขา ศีรษะ และร่างกายท่อนบนได้อย่างอิสระและเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ ยังสามารถหันหน้าแสดงท่าทีตอบรับ รวมทั้งขยับปากและเคลื่อนไหวลำตัวคล้ายการหายใจได้ด้วยการฝังเซนเซอร์และมอเตอร์หลายชิ้นทั่วตัวหุ่น ส่วนจุดเด่นของหุ่นยนต์ดังกล่าวอยู่ที่ส่วนของผิวหนัง ซึ่งไม่ได้ทำจากพลาสติกแข็งแต่ทำด้วยซิลิโคนที่มีความยืดหยุ่น จึงมีลักษณะคล้ายผิวหนังของมนุษย์สำหรับหุ่นยนต์รีไพล คิว 1 ถือเป็นพัฒนาการของหุ่นยนต์ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์ท่าทางและการเคลื่อนไหวของมนุษย์ที่หุ่นยนต์สามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้เป็นตัวแรก โดยในอนาคตจะพัฒนาให้หุ่นยนต์กลายเป็นมนุษย์จริงได้ด้วยการนำโปรแกรมที่จำลองสถานการณ์ต่าง ๆ มาใส่ไว้


อ้างอิงจาก http://www.siamarchives.com/node/19704

I, Robot อนาคตที่ไม่ไกลเกินฝัน

ช่วงนี้หนึ่งในภาพยนตร์ที่หลายคนตั้งตารอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนหนังไซไฟและแฟนนวนิยายของนักเขียนชื่อกระฉ่อนอย่าง " ไอแซค อาซิมอฟ คงหนีไม่พ้นภาพยนตร์เรื่อง I, Robot ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปีคริสต์ศักราช 2035 เมื่อเทคโนโลยีหุ่นยนต์ก้าวหน้าอย่างมากจนเราไว้วางใจให้หุ่นยนต์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันแต่กลับเกิดเหตุการณ์ที่หุ่นยนต์ละเมิดกฎที่ตั้งไว้และหันกลับมาทำร้ายมนุษย์ผู้สร้าง แน่นอนนี่คือความตื่นเต้นในภาพยนตร์ที่จิตนาการว่าอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ที่หลายคนมองว่ายังไกลเกินจริงนัก แต่หากคุณทราบถึงพัฒนาการด้านหุ่นยนต์ในปัจจุบัน เรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 2035 อาจมาถึงตัวเราเร็วกว่าที่คิดก็เป็นได้ ในอดีตพัฒนาการของหุ่นยนต์ มุ่งเน้นไปในทางด้านหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการผลิต เช่น มีเฉพาะมือไว้ใช้จับวัสดุ หรือในรูปแบบอื่นๆ หุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงยอดนิยมของโซนี่ อย่าง ไอโบ ก็เป็นหนึ่งในหุ่นยนต์ที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด และคุณทราบไหมครับว่า ยอดขายหุ่นยนต์อุตสาหกรรมพุ่งขึ้นสูงถึง 750,000 ตัวในปี 2001 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ได้มีการรวบรวมเป็นสถิติเก็บไว้ ถึงวันนี้ ก็น่าจะมีเกินกว่า 1 ล้านตัวไปแล้ว แต่ด้วยข้อจำกัดในหลายๆด้าน ปัจจุบันหลายๆ หันมาให้ความสนใจวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านหุ่นยนต์เคลื่อนที่ด้วยขาสองขา (หรือเรียกง่ายๆว่าเดินนั่นละครับ) ในการเคลื่อนที่มากขึ้น ทั้งนี้เพราะมีความคล่องตัวสูงและสามารถเคลื่อนที่ไปในที่พื้นที่ที่หุ่นยนต์แบบล้อเข้าไปได้ยาก โครงพัฒนาหุ่นยนต์เลียนแบบมนุยษ์หรือฮิวแมนนอย (Humanoid) เป็นโครงการที่หน่วยงานทั้งรัฐบาลและเอกชนในต่างๆประเทศกำลังพัฒนากันอยู่ และที่มีชื่อเสียงและรู้จักกันดีก็เห็นจะเป็นหุ่น Asimo ของบริษัทฮอนด้า ที่เคยเข้ามาโชว์ตัวในประเทศเมื่อหลายปีที่ผ่านมา นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ เพราะยังมีอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น อาจเรียกได้ว่ามันเป็นหุ่นยนต์มนุษย์ที่ก้าวหน้าที่สุดรุ่นหนึ่งในปัจจุบัน และเป็นโครงการที่บอกให้คุณทราบว่า โลกของ I, Robot อยู่ไม่ไกลเกินจริงเลย HRP-2 หรือ Promet เป็นหุ่นยนต์ที่ได้รับการพัฒนาโดย MSTC (Manufacturing Science and Technology Center) ภายใต้การออกแบบของบริษัท Kawada Industries ประเทศญี่ปุ่น Promet เป็นหนึ่งในหุ่นยนต์ที่ก้าวหน้าที่สุดในปัจจุบัน เพราะที่ผ่านมาคุณอาจจะได้เห็นหุ่นที่สามารถเดิน 2 ขา ขึ้นบันได หรือเต้นรำได้ แต่สำหรับ Promet ตัวนี้มีอะไรๆที่เหนือกว่ามาก แม้ดูจากรูปร่างหน้าตา เจ้า Promet ตัวนี้ดูเหมือนหุ่นยนต์ในการ์ตูนญี่ปุ่นไปหน่อยก็ตามที เทคโนโลยีการพัฒนาช่วยให้หุ่นตัวนี้สามารถเคลื่อนไหวในแบบมนุษย์ด้วยท่าทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเดินข้ามสิ่งกีดขวาง การการก้มตัวลงคลานลอดในช่องทางแคบๆ การเดินบนไม่กระดานแผ่นเดียว การช่วยคนยกสิ่งของ หรือแม้แต่การล้มตัวลงนอนจากท่ายืน การยันตัวให้สามารถยืนขึ้นได้จากท่านอน แน่นอนว่าหากประสบอุบัติเหตุล้มลง หุ่นตัวนี้ก็สามารถยืนเองได้โดยไม่ต้องมีใครช่วย Promet เป็นหุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์ที่มีความสูง 150 เซนติเมตร น้ำหนัก 58 กิโลกรัม มือทั้ง 2 ข้างของ Promet สามารถยกน้ำหนักได้มากถึงข้างละ 2 กิโลกรัม สามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องวิดีโอ 3 ตัวที่ติดตั้งอยู่บริเวณส่วนหัว และสามารถเดินได้ด้วยความเร็วสูงสุด 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้พลังจากจากแบตเตอรี สำหรับในประเทศไทยเองก็มีการพัฒนาหุ่นยนต์ในลักษณะนี้อยู่เช่นกัน โดยทางศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาหุ่นยนต์ภาคสนาม FIBO มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ได้มีการวิจัยและสร้างหุ่นยนต์ต้นแบบสองขาด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันก็ก้าวหน้าไปแล้วในระดับหนึ่ง โดยสามารถก้าวเดิน ลุกนั่ง ยืนขาเดียว แสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่แต่ชาวต่างชาติเท่านั้น แต่หุ่นยนต์ Humaniod ของคนไทยก็มีเหมือนกัน ถ้าเทียบกับภาพยนตร์เรื่อง I, Robot ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ต่ำกว่า 30 ปี แน่นอนว่านับจากวันนี้ต่อไปในอนาคต พัฒนาการของ Promet รวมทั้งหุ่นยนต์ Humanoid ตัวอื่นๆ คงก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าหากคุณมีโอกาสได้เห็นภาพยนตร์สาธิตความสามารถของเจ้า Promet ตัวนี้ บอกได้เลยว่าคุณต้องทึ่งในความสามารถและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไปมากกว่าที่เราคาดคิด ขณะเดียวกันคุณก็อาจเกิดความกลัวขึ้นมาก็ได้ว่า หากอนาคตรูปแบบของ Promet ก้าวหน้าขึ้น สถานะการณ์อย่าง I, Robot อาจจะเกิดขึ้นใกล้ตัวคุณก็เป็นได้


อีก 50 ปีสังคมยอมรับ คนมีเพศสัมพันธ์กับหุ่นยนต์




google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);
อีก 50 ปีสังคมยอมรับ คนมีเพศสัมพันธ์กับหุ่นยนต์
วิวัฒนาการของโลก และของเทคโนโลยี หุ่นยนต์ ช่างก้าวไปไกลจริงๆ พอเห็นข่าวนี้ตอนแรก รู้สึกแปลกใจ และ ตกใจ ทีเดียว หุ่นยนต์ จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ แล้วหรือ เลยต้องรีบเอามาฝากกันค่ะ ดร.เดวิด เลวี่ นักการศึกษาเรื่องเพศและเอไอ (ปัญญาประดิษฐ์) และเป็นผู้แต่งหนังสือเรื่อง Sex with Robots : The Evolution of Human-Robot Relations หรือ เพศสัมพันธ์กับหุ่นยนต์ : วิวัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ มีความเห็นว่า ภายในกลางศตวรรษนี้ หุ่นยนต์เซ็กซ์จะกลายเป็นที่ยอมรับของสังคม มนุษย์จะตกหลุมรักหุ่นยนต์ที่กลายเป็นทาสทางกามแม้ทุกคนจะไม่เห็นด้วยกับมุมมองของเลวี่ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การพัฒนาหุ่นยนต์ก้าวไกลไปมาก โดยเลียนแบบกล้ามเนื้อและความเคลื่อนไหวของมนุษย์ได้ดี แม้แต่เสียงยังเลียนได้ไม่ต่างจากมนุษย์ อย่างไรก็ตาม เลวี่ยอมรับว่า ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะสร้างหุ่นยนต์ให้ได้เหมือนมนุษย์จนแยกกันไม่ออกเมื่อปลายปีที่แล้ว อาจารย์จากวาเซดะ ยูนิเวอร์ซิตี้ ประเทศญี่ปุ่น โชว์หุ่นยนต์ ทเวนดี้วัน ที่สามารถทำอาหารได้ พูดได้ เชื่อฟังคำสั่ง เพราะมีเซ็นเซอร์ 241 ตัว ส่วนบริษัทเอ็กซิสของญี่ปุ่นเช่นกัน ได้ผลิตหุ่นยนต์เซ็กซ์สำหรับชาย เรียกว่า ฮันนี่ดอลส์ โดยเป็นหุ่นยนต์หญิงมีขนาดเท่ากับตัวคนจริงๆ สร้างด้วยซิลิโคนและเรซิ่นอย่างดี รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์เสียงที่หน้าอกแต่ละข้าง ราคาตัวละ 2.4 แสนบาทด้านนางอีวอน เค. ฟูลไบรต์ นักเซ็กซ์วิทยา เจ้าของหนังสือด้านเซ็กซ์หลายเล่ม มีความเห็นว่า จะมีบุคคลกลุ่มหนึ่งซื้อ เซ็กซ์บอต โดยเฉพาะชายที่ต้องการเติมเต็มแฟนตาซีที่ฝ่ายหญิงที่เป็นมนุษย์ปฏิเสธมองในแง่ดี ไม่แน่นะคะ การที่มีหุ่นยนต์มาช่วยเหลือแบบนี้ อาจทำให้สังคมเราเกิดอาชญากรรมน้อยลงก็ได้ค่ะ...

หุ่นยนต์มูระตะ ไซโกะ (Murata Saiko) เป็นหุ่นยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทฮอนด้า ซึ่งความสามารถของหุ่นยนต์มูระตะ ไซโกะจะเป็นเกี่ยวกับด้า

รัฐบาลเกาหลีใต้ ชาติไฮเทคอันดับต้นๆ ของทวีปเอเชีย ประกาศจุดหมายว่า ภายในปีพ.ศ. 2563 หรืออีกเพียงแค่ 13 ปีนับจากนี้ บ้านทุกหลัง-อาคารทุกแห่งในเกาหลีจะต้องมีจักรกลไร้ชีวิตที่เรียกว่า "หุ่นยนต์" คอยรับใช้มนุษย์อยู่อย่างน้อยที่สุด 1 ตัว เพื่อช่วยให้ความฝันดังกล่าวเป็นความจริงและไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมมนุษย์ ขณะนี้เกาหลีใต้จึงเป็นประเทศแรกในโลกที่เริ่มต้นร่าง "กฎบัตรจริยธรรมหุ่นยนต์" (Robot Ethics Charter) มุ่งหมายให้มนุษย์กับหุ่นยนต์อยู่ร่วมกันอย่างสันติ!
หุ่นยนต์คล้ายผู้หญิง "อีฟอาร์-1" ของเกาหลีใต้ -จริยธรรม"หุ่นยนต์" เดือนเมษายน 2007 รัฐบาลเกาหลีใต้ โดยกระทรวงพานิชย์ อุตสาหกรรม และพลังงาน มีกำหนดการออกกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าไฮเทคที่สุดในโลก นั่นคือ ร่าง "กฎบัตรจริยธรรมหุ่นยนต์" มีเนื้อหากำหนดให้ผู้ผลิต รวมถึงผู้ใช้งานหุ่นยนต์ ปฏิบัติต่อหุ่นยนต์อย่างถูกต้องเหมาะสม ยกตัวอย่าง เช่น ห้ามนำหุ่นยนต์ไปใช้ในทางผิดกฎหมาย ห้ามนำข้อมูลจากการบันทึกของหุ่นยนต์ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูล ต้องจัดทำทะเบียนหุ่นยนต์ เหมือนกับการทำบัตรประชาชน และระบุลักษณะของหุ่นยนต์ตามรูปแบบการใช้งานอย่างชัดเจน
รัฐบาลเกาหลีใต้และบริษัทซัมซุง พัฒนาหุ่นยนต์ทหาร เอาไว้คอยรักษาการณ์ตามแนวชายแดนติดกับเกาหลีเหนือ ยิงได้ทั้งกระสุนจริง กระสุนยาว และแก๊สน้ำตา -ห้ามทำร้ายมนุษย์ เนื้อหาของ "กฎบัตรจริยธรรมหุ่นยนต์" นอกจากจะควบคุมไม่ให้มนุษย์นำจักรกลล้ำยุคไปใช้ในทางที่ผิดแล้ว ก็ยังบังคับให้ฝ่ายผู้ผลิตและผู้พัฒนาต้องป้อนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งป้องกันไม่ให้หุ่นยนต์ทำอันตรายต่อมนุษย์ ลงไปในสมองกลของหุ่นยนต์รุ่นต่างๆ ด้วย โดยคณะกรรมการผู้รับหน้าที่ร่างกฎบัตรฯ ดังกล่าว ประกอบด้วย 1. ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีหุ่นยนต์ 2. นักอนาคตศาสตร์ 3. นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์
สาวสวยในภาพไม่ใช่คุณครู แต่เป็นหุ่นยนต์ รุ่น อีฟอาร์-1ซึ่งบริษัทเกาหลีพัฒนาเพื่อใช้ในงานประชาสัมพันธ์และบันเทิงรัฐบาลเกาหลีใต้ได้เชิญคณะกรรมการกลุ่มนี้ร่างกฎบัตรฯ มาตั้งแต่เดือนเมษายน 2549 เพื่อเตรียมประกาศใช้ในเดือนเมษายน 2007"เป็นที่แน่ชัดว่า หุ่นยนต์จะต้องเข้ามาทำหน้าที่คอยบริการ ดูแลรับใช้ และเป็นเพื่อนกับพลเมืองเกาหลีในอนาคต" "รัฐบาลจึงมีนโยบายเขียนกฎบัตรเพื่อควบคุมหุ่นยนต์ เนื่องจากเล็งเห็นถึงบทบาทของหุ่นยนต์ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในสังคมมนุษย์มากขึ้น อีกทั้งมันยังจะมีปัญญาประดิษฐ์ที่สลับซับซ้อนมากขึ้นอีกด้วย" กระทรวงพานิชย์ อุตสาหกรรม และพลังงานเกาหลีใต้ ระบุในแถลงการณ์ -กฎ"ไอแซค อาสิมอฟ" "ปาร์ก เฮ ยัง" นักวิจัยและหนึ่งในคณะกรรมการร่างกฎบัตรฯ ออกตัวเตือนไว้ก่อน ว่า ถึงจะมีการบังคับใช้กฎบัตรขึ้นมาจริงๆ แต่ใช่ว่า ทั้งหุ่นยนต์และมนุษย์จะรับรู้และปฏิบัติตามได้จริงร้อยเปอร์เซ็นต์ ปาร์ก ระบุว่า มีแนวโน้มว่าในอนาคต หุ่นยนต์แอนดรอยด์ที่ผลิตออกมาสู่ตลาดจะยิ่งมีหน้าตาสวยงามใกล้เคียงมนุษย์ยิ่งขึ้น ถ้าคนเกิดไปหมกหมุ่น หลงใหล ดูแลหุ่นยนต์สาวเหล่านี้เสมือนกับเป็นภรรยาของตัวเอง ก็ไม่มีทางที่กฎบัตรจะเข้าไปควบคุมได้ ปรากฎการณ์คล้ายคลึงกันนี้ได้เกิดขึ้นแล้วกับคนบางกลุ่มที่เสพติดเทคโนโลยี "อินเตอร์เน็ต" จนถอนตัวจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ขึ้น อย่างไรก็ตาม กฎบัตรก็จำเป็นต้องร่างกันต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สำหรับเนื้อหาบางส่วนนั้นอ้างอิงจาก "กฎ 3 ข้อของหุ่นยนต์" (Three Laws of Robots) ซึ่งเขียนขึ้นมาโดย "ดร.ไอแซค อาสิมอฟ" ศาสตราจารย์ด้านชีวเคมีและนักแต่งนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดัง นั่นคือ 1. หุ่นยนต์มิอาจกระทำการอันตรายต่อมนุษย์ หรือนิ่งเฉยปล่อยให้มนุษย์ตกอยู่ในอันตราย 2. หุ่นยนต์ต้องเชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์ เว้นแต่คำสั่งนั้นขัดแย้งกับกฎข้อที่หนึ่ง 3. หุ่นยนต์ปกป้องตนเองได้ ตราบใดที่การปกป้องตนเองไม่ขัดแย้งกับกฎข้อที่หนึ่งหรือสอง ถึงที่สุด หุ่นยนต์ก็เป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ จะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม หรือใช้ทำลายล้างกันเองก็ย่อมได้ ขึ้นอยู่กับจิตใจคนเราเท่านั้น!


อ้างอิงจาก http://board.palungjit.com/f2

การพัฒนาการทำงานของหุ่นยนต์มูระตะ ไซโกะ



หุ่นยนต์มูระตะ ไซโกะ (Murata Saiko) เป็นหุ่นยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทฮอนด้า ซึ่งความสามารถของหุ่นยนต์มูระตะ ไซโกะจะเป็นเกี่ยวกับด้านการแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาหุ่นยนต์ให้สามารถทรงตัว ได้เหมือนการปั่นจักรยานและเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วที่มากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการเปิดตัวหุ่นยนต์มูระตะ ไซโกะเมื่อปี 2008หุ่น ยนต์มูระตะ ไซโกะ เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้หลักการการเคลื่อนที่และการรักษาสมดุล คล้ายกับการที่คนเราปั่นจักรยาน ความเร็วในการเคลื่อนที่จึงมากกว่าหุ่นยนต์ที่ใช้การเดินเป็นการเคลื่อนที่ หุ่นยนต์อาซิโมก็ถือเป็นหุ่นยนต์รุ่นแรกๆที่ถูกพัฒนาให้สามารถเคลื่อนที่และ ทำงานได้ตามแบบหุ่นยนต์ที่สร้างมาคล้ายคนหุ่น ยนต์มูระตะ ไซโกะมีลักษณะเหมือนเด็กหญิงตัวเล็ก และสามารถเคลื่อนที่ด้วยการปั่นด้วยล้อหนึ่งล้อ การทรงตัวและความเร็วที่ใช้ในการเคลื่อนที่ถือว่าพัฒนาได้อย่างาวหน้ามาก เพราะหุ่นยนต์มูระตะ ไซโกะสามารเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็ว 15 เซนติเมตรต่อวินาที มากกว่าตัวต้นแบบถึงสามเท่า และเศษส่วนในการหมุนตัวกลับอยู่ที่ประมาณ 2 เซนติเมตร ที่สำคัญยังสามารถทรงตัวหรือรักษาสมดุลในการเคลื่อนบนวัตถุที่มีพื้นที่สัมผัสกับพื้นที่แคบได้เป็นอย่างดีหุ่นยนต์มูระตะ ไซโกะ จะถูกนำมาจัดแสดงความสำเร็จอีกขั้นของการพัฒนาหุ่นยนต์นักปั่นในงาน CEATEC ที่ประเทศญี่ปุ่นตอนต้นเดือน ตุลาคม ที่จะถึงนี้สิ่งที่หุ่นยนต์มูระตะ ไซโกะมีมากกว่าหุ่นยนต์ตัวต้นแบบก็คือตัว gyro เซ็น ซเอร์ที่ถูกติดตั้งเพิ่มเพื่อเพิ่มความสมดุลในการทรงตัวของหุ่นยนต์ กล้องขนาดเล็กที่ติดอยู่ตรงบริเวณปากเพื่อตรวจสอบความสมดุลของการเคลื่อนที่ และยังมีเซนเซอร์ตัวตรวจสอบระยะทางที่เคลื่อนที่ของหุ่นยนต์บริษัท ใช้เวลามากว่าหกเดือนและเงินลงทุนกว่าหลายล้านเยนในการพัฒนาหุ่นยนต์มูระตะ ไซโกะ เพื่อจุดประสงค์ในการกระตุ้นยอดขายสินค้าและอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ที่เกี่ยว ข้องกับมูระตะ

กำลังสงสัยล่ะสิ ว่าเจ้าอุปกรณ์หน้าตาประหลาดๆ นี้มันคืออะไร มีไว้ทำไม คำตอบก็คือ มันคือเครื่องช่วยเดิน ที่บริษัทฮอนด้าได้ประดิษฐ์ขึ้น และเปิดตัวความสำเ

ทีมวิจัยจากรัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกาพบความสำเร็จครั้งใหม่ในการนำหุ่นยนต์ "คอสโม (Cosmo)" เข้ามาช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กที่มีความผิดปกติทางการสื่อสารและอารมณ์ โดยพบว่าในช่วงเวลา 1 ปีที่ใช้หุ่นยนต์มาช่วย ทำให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุขมากขึ้น และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก5 N& u: r* ]# ]5 q% I) t! w8 ? 7 [" m' V- a; u: C- x5 g# c ทุกวันนี้ ที่ศูนย์การแพทย์ Mayo ในย่านชานเมืองของรัฐแมรี่แลนด์ ด.ช. Kevin Fitzgerald วัย 6 ปีกับหุ่นยนต์คอสโมคู่ใจต่างกำลังเรียนรู้และพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน โดยอาการของเควินที่เป็นอยู่นั้นเริ่มปรากฏเมื่อเขามีอายุประมาณ 18 เดือน และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น developmental dyspraxia ส่งผลให้เขามีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน ทักษะบางประการเช่น การออกเสียงพยัญชนะ จึงกลายเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเด็กอย่างเควิน. o, r2 w. f: }' P% U6 b + W/ g0 \! L7 T, E4 ^, s Patty Fitzgerald มารดาของเควินกล่าวว่า "แพทย์ระบุว่าสมองของเขายังสมบูรณ์ดี ไม่มีปัญหา แต่ร่างกายกลับไม่ทำตามที่สมองสั่ง"$ p4 r# _0 e/ Z, `2 | / v1 l% I. F* G6 {3 X, | หลังจากที่เข้ารับการบำบัดที่ศูนย์การแพทย์ในย่านชานเมืองแห่งนี้มาเป็นเวลานาน จนในปีที่ผ่านมา เควินก็ได้หุ่นยนต์คอสโมตัวไม่ใหญ่ไม่เล็กที่มาพร้อมปุ่มคำสั่งสีสด เข้ามาเป็นเพื่อน และทำหน้าที่ช่วยฝึกสอนไปในตัว" m1 @; k" |9 G# E# u 7 s7 t1 q; y$ e" z; J ความหวังที่เลือนรางของครอบครัว Fitzgerald เริ่มกลับมาฉายแสงอีกครั้ง เมื่อเควินได้มีเพื่อนใหม่ตัวไม่ใหญ่ไม่เล็กที่มาพร้อมปุ่มคำสั่งสีสด และโปรแกรมในการขยับร่างกาย ออกเสียง เคลื่อนไหวไปรอบ ๆ โต๊ะ ฯลฯ คอสโมได้ช่วยทำให้เควินมีพัฒนาการด้านร่างกายเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งในทางการแพทย์แล้ว พวกเขาได้แนวทางในการช่วยเด็กที่มีปัญหาด้านพัฒนาการจากคอสโมกันมากมาย,

สำหรับหุ่นยนต์คอสโม หากพิจารณาในเชิงของวิศวกรรมศาสตร์ หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ "ธรรมดา" มาก ๆ มีแค่ข้อต่อสำหรับควบคุมการเคลื่อนไหว 9 ชิ้นประกอบกันเท่านั้น แต่คอสโมก็สามารถช่วยให้เด็กอย่างเควินสนใจ และหันมาเรียนรู้ได้+ e# q* C4 Z5 `7 e- `4 y0 I; h1 N ! M4 o7 Z6 U9 Y* @$ d- o คริสตา โคลแมน-วูด นักกายภาพบำบัดจาก Mayo Clinic เปิดเผยว่า การทดลองใช้หุ่นยนต์กับเด็กออทิสติกเป็นไปด้วยดี โดยทางทีมนักวิจัยได้ให้เด็กสวมถุงมือที่มีเซนเซอร์ และให้เด็กลองเคลื่อนไหวไปมา จากนั้นหุ่นยนต์จะเลียนแบบท่าทางดังกล่าวบ้าง สิ่งที่เห็นได้เด่นชัดในห้องบำบัดก็คือ หุ่นยนต์ตัวนี้ได้ช่วยทำให้เด็ก ๆ สนุกกับการเรียนรู้มากขึ้น5 a' ~ `% S; ^: n1 ^ 2 E0 a1 J! o0 |7 H6 N "ลองนึกภาพการให้เด็กฝึกขยับตัวซ้ำ ๆ ยกแขนซ้ำ ๆ ฝึกแบบนี้อยู่คนเดียว คิดว่ามันจะน่าเบื่อสำหรับเด็กมากขนาดไหน แต่เมื่อมีหุ่นยนต์คอสโม ก็เหมือนกับพวกเขาได้ฝึกร่วมกัน เด็กรู้สึกมีส่วนร่วมไปกับหุ่นยนต์ กิจกรรมจึงไม่เหงาหรือน่าเบื่อเท่าเมื่อก่อน"* O- j$ Y) c4 p; i. J1 I 7 M9 P" s; T; z9 r! Q+ X5 R อย่างไรก็ดี นักวิจัยโคลแมน-วูดกล่าวว่า หากจะสรุปว่า การใช้หุ่นยนต์ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้กับเด็กออทิสติกสามารถทำให้เด็กออทิสติกมีพัฒนาการก้าวหน้ามากกว่าวิธีการในรูปแบบเดิมคงยังเป็นเรื่องที่เร็วไป/ f& \% }+ I& B9 k2 O : G$ \6 c" {- p0 k# n$ P# j. |3 _ สำหรับหนูน้อยเควินคนนี้ เริ่มเข้ารับการบำบัดอาการออทิสติกตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา แต่มารดาของเควินบอกว่า ช่วง 1 ปีล่าสุดที่มีหุ่นยนต์คอสโมเข้ามาเสริมทัพนั้น พัฒนาการของเควินก้าวไปอย่างรวดเร็วมาก* v) B, X8 T1 ~7 W1 d1 l - t- K- M. V! r7 `5 q "ในช่วงแรกของการบำบัด เควินจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งต่าง ๆ ของผู้ดูแลเท่าใดนัก เช่น ไม่ยอมลงจากรถ ฯลฯ แต่ตอนนี้ พอเขารู้จักคอสโม แค่เราบอกเขาว่า คอสโมกำลังจะมานะ เขาจะมีความกระตือรือร้นขึ้นมาในทันที ความเปลี่ยนแปลงของเควินในครั้งนี้ จึงทำให้โอกาสที่เขาจะได้รับอนุญาตเข้าเรียนในชั้นเรียนปกติได้มีมากขึ้น"& ?. K. u4 j r4 n


ฮอนด้าเจ๋งผลิตเครื่องช่วยเดิน



กำลังสงสัยล่ะสิ ว่าเจ้าอุปกรณ์หน้าตาประหลาดๆ นี้มันคืออะไร มีไว้ทำไม คำตอบก็คือ มันคือเครื่องช่วยเดิน ที่บริษัทฮอนด้าได้ประดิษฐ์ขึ้น และเปิดตัวความสำเร็จขั้นที่สองไปเมื่อไม่นานมานี้เอง ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงทดลองการใช้งานจริง
จากการทดสอบด้วยอุปกรณ์ช่วยเดินนี้ ผู้ใช้จะสามารถก้าวขาได้ยาวกว่าปกติ (เปรียบเทียบกับเวลาที่ไม่ได้ใช้) ทำให้การเดินง่ายยิ่งขึ้น นำมาใช้สำหรับทุ่นแรงของคนงานในโรงงานต่าง ๆ ที่ต้องยืนหรือเดินนานๆ หรือต้องลุกนั่งบ่อยๆ ได้เป็นอย่างดี โดยอุปกรณ์ที่ว่านี้ จะสามารถช่วยพยุงขาของผู้ที่สวมใส่ ไม่ให้แบกรับน้ำหนักมากเกินไปในขณะที่เดินไป-มา หรือต้องออกแรงมากมายในเวลาที่ต้องย่อเข่า ลุกขึ้น หรือเวลาที่เดินขึ้น-ลงบันได โดยอุปกรณ์ดังกล่าวถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ติดเครื่องยนต์ และมีระบบเซ็นเซอร์ ซึ่งจะช่วยพยุงน้ำหนักของร่างกายได้ถึง 3 กิโลกรัม และในขณะที่ย่อตัว มันจะช่วยพยุงน้ำหนักได้ถึง 9 กิโลกรัมเลยทีเดียว
บริษัท ฮอนด้าริเริ่มวิจัยและพัฒนาเครื่องช่วยเดินมาตั้งแต่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถเดินทางไปในที่ต่างๆ อย่างมีความสุข ส่วนเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในอุปกรณ์ดังกล่าว ก็คือ นวัตกรรมพิเศษที่พัฒนามาจากการศึกษาการเดินของมนุษย์ของฮอนด้ามาเป็นเวลายาวนาน ที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนา “อาซิโม” หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ที่ล้ำยุคที่สุดในโลกนั่นเอง ได้ยินแบบนี้แล้ว ผู้ป่วยหรือใครที่ขาไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยให้เดินเหิน หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ได้สะดวกอีกแล้ว คงจะยิ้มออกได้เลยล่ะงานนี้

สุดยอดวิวัฒนาการของหุ่นยนต์



หุ่นยนต์
หุ่นยนต์ที่เหมือนมนุษย์ มีทั้งเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายใน ไม่ได้มีแต่ในนวนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไปแล้ว หุ่นยนต์บางตัวหายใจ กะพริบตา หัวใจเต้น มีอุณหภูมิเท่ามนุษย์และมีผิงหนังแบบมนุษย์ คุณสามารถดูภายในของมันได้ด้วยการเปิดซิป
หุ่นยนต์เหล่านี้ควบคุมกับคอมพิวเตอร์ มีปฏิกิริยาต่อยาเสพติดและยาต่างๆ ถูกใช้เพื่อการสอนนักเรียนแพทย์ถึงวิธีการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน-เช่นคนไข้เกิดอาการหัวใจหยุดเต้น
การสร้างหุ่นยนต์พิเศษสำหรับทดสอบความปลอดภัยของรถยนต์
นอกจากนี้ยังมีการสร้างหุ่นยนต์พิเศษสำหรับทดสอบความปลอดภัยของรถยนต์ ที่นั่งที่ดีดตัวจากเครื่องบินและอุปกรณ์อวกาศ มีตัวหนึ่งที่ใช้ทดสอบเสื้อผ้าของทหาร มันมีเหงื่อไหลออกมาจริงๆ
และสามารถคลานสี่ขาได้ และ ยังมีหุ่นยนต์ตำรวจสำหรับคุมนักโทษ หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย ห่นยนต์ตัดขนแกะ(ตัดขนแกะ1 ตัวในเวลา 100 วินาทีแทนคนที่ใช้เวลา 3 นาทีต่อ 1 ตัว) หุ่นจ็อคกี้ควบคุมด้วยวิทยุสำหรับดูแลให้ม้าออกกำลัง
บางตัวถูกออกแบบให้เข้าไปในที่ที่คนเข้าไม่ได้โรงงานปรมานู เมื่อเกิดรังสีรั่วและรังสันั้นฆ่าคนได้
ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 มีการใช้หุ่นยนต์จำนวนมากในโรงงาน แต่หุ่นเหล่านั้นมักดูคล้ายเครื่องกล พวกมันสามารถทำงานที่วางแผนไว้แล้ว การประกอบรถยนต์ ประกอบเครื่องซักผ้า และโทรทัศน์

ปลุกภาคการศึกษา ลุ้นเด็กไทยแข่งหุ่นยนต์โลก

.วิทย์ฯ ตระหนักถึงความสำคัญพร้อมทุ่มงบไม่อั้น หวังเด็กไทยโชว์ศักภาพเวทีโลก มั่นใจไม่เป็นรอง ด้านเอ็มเทค กระตุ้นม.ระบุต้องสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน คาดอีก 20 ปี ไทยติดท็อปส์ 5 เทคโนโลยีหุ่นยนต์อาเซียน...เพิ่งจะผ่านพ้นไปเมื่อเร็วๆ นี้ กับการแข่งขันออกแบบ และสร้างหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 2 หรือ RDC 2009 รอบชิงชนะเลิศ ภายใต้โจทย์การแข่งขัน “ปลูกต้นไม้ สร้างป่าเขียว ลดโลกร้อน” สร้างจิตสำนึกเยาวชนไทยตระหนักถึงผลกระทบของภาวะโลกร้อน โดยทีมที่ชนะเลิศจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทย ร่วมโชว์ศักยภาพด้านเทคโนโลยีพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ บนเวทีระดับนานาชาติ IDC RoBoCon 2009 ที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือน ส.ค.2552 ต่อไปคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า การแข่งขันครั้งนี้ เป็นเวทีในการส่งเสริมผลักดันเยาวชนไทย สู่การพัฒนาบุคลากรด้านการออกแบบหุ่นยนต์ คาดว่าในอนาคตคงมีโอกาสเห็นการออกแบบหุ่นยนต์ในรูปแบบการจัดแสดงคอนเสิร์ต ที่สร้างความสุขให้กับผู้ชมจากฝีมือเยาวชนไทย โดยเชื่อมั่นว่าเยาวชนไทยมีศักยภาพและมีความสามารถ ไม่แพ้ชาติใดๆ ในโลกหากได้รับการสนับสนุนส่งเสริมถูกทิศทางรมว.วิทย์ฯ ระบุต่อว่า กระทรวงวิทย์พร้อมสนับสนุนทั้งด้านงบประมาณ และกำลังใจ ให้ตั้งแต่เด็กทั่วไป ชั้นประถม และมัธยมศึกษา ที่สนใจ โดยบูรณาการผ่านสาขาวิชาการต่างๆ ในการออกแบบและสร้างหุ่นยนต์ อันเป็นแนวทางให้เด็กก้าวสู่วงการสร้างสรรค์ เช่นเดียวกับสนับสนุนงบประมาณครั้งนี้ มูลค่า 1.5 ล้านบาทรศ.ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ หรือเอ็มเทค กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของเยาวชนก่อนแข่งขันว่า ด้านภาษาสำคัญที่สุด และวางตัวเป็นธรรมชาติมากที่สุด ส่วนหลักคิดวิทยาศาสตร์ พิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง แม้ว่าที่ผ่านมาพบปัญหาจากสถาบันการศึกษา และต้องการให้การประสานงานในมหาวิทยาลัยเกิดความเข้าใจตรงกัน รวมถึงเยาวชนต้องมีความรู้พื้นฐานประกอบ ขณะที่ปี 2552 ได้รับการตอบรับจาก 8 มหาวิทยาลัย จำนวน 48 คน“ต้องการให้ภาคการศึกษาตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการส่งเสริมเยาวชนไทยให้มากขึ้น เพราะแต่ละปีที่ส่งเรื่องไปที่มหาวิทยาลัย การตอบรับไม่มากเท่าที่ควร เนื่องจากคนประสานงานไม่เข้าใจ ขณะเดียวกัน เด็กไม่จำเป็นต้องเก่ง เพียงแค่มีพื้นฐานวิชาฟิสิกส์ก็พอ” ผอ.เอ็มเทค กล่าวรศ.ดร.วีระศักดิ์ คาดการณ์ด้วยว่า อีก 20 ปี ข้างหน้าคงหนีไม่พ้นยุคหุ่นยนต์และเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน ถ้าไม่สร้างความตระหนัก และไม่กระตุ้นให้เกิดความสนใจ ประเทศไทยก็จะช้ากว่าประเทศอื่นต่อไปอีก ขณะเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดึงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีให้คนทั่วไปเข้าใจง่าย เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องอนาคตที่ต้องลงทุนมาก และปรากฏผลช้า อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้สูงว่าหุ่นยนต์ไทยจะติดอันดับ 5 ในอาเซียน เพราะประเทศไทยมีทรัพยากรบุคคล ทรัพยากรธรรมชาติที่มากกว่าคู่แข่งอย่างประเทศสิงคโปร์ แต่จำนวนเงินสนับสนุนน้อยกว่า สำหรับการแข่งขัน 2 ทีมจะเริ่มแข่งพร้อมกันโดยมีเวลาจำกัดที่ 90 วินาที เริ่มต้นแข่งขันทำโดยนำหุ่นยนต์ของแต่ละทีมไปวางไว้ในจุดเริ่มต้นทั้งสองจุด ไม่อนุญาตให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของหุ่นยนต์ล้ำออกนอกเขตเริ่มต้น หุ่นยนต์สามารถออกจากจุดเริ่มต้นทั้งสองได้ก็ต่อเมื่อกรรมการสนามให้สัญญาณอนุญาตเริ่มการแข่งขัน ขณะแข่งขัน ต้องไม่มีสมาชิกทีมคนใดที่สัมผัสตัวหุ่นยนต์ ต้นไม้ทั้งสามแบบสามารถถูกชนโดยหุ่นยนต์ได้ ตราบใดที่ต้นไม้เหล่านั้นยังไม่ถูกนำไปใส่ในพื้นที่ปลูกต้นไม้ นอกจากนี้ห้ามกระทำการจงใจโยนให้ต้นไม้หลุดออกนอกสนาม
ทีมที่ชนะเลิศ คือ ทีมสีน้ำตาล 1.นางสาวศนิ กลิ่นสนิท สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหาร ลาดกระบัง 2.นายสิรวุธ ทัตติยกุลจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย 3.นายพงศกร หาญวารี มหาวิทยาลัยสุรนารี 4.นายอนิรุทธิ์ จิตอนันตพรสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNI) 5.นายพรเทพ ชินศรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือนายพงศกร หาญวารี หรือนิค นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์สาขายานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี หัวหน้าทีมสีน้ำตาล เล่าถึงการคว้าชัยในครั้งนี้ว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้คือ ความสามัคคี และวางแผนแบ่งหน้าที่ของทุกคนในทีมอย่างชัดเจน “หลังจากที่ทราบกติกา จะร่วมวางแผน โดยใช้หุ่นยนต์ 2 ตัว คือ ตัวเล็กมีหน้าที่เก็บต้นกล้า และนำไปปลูกเพื่อขวางทางคู่แข่ง ส่วนตัวใหญ่จะมีหน้าที่ต่อฐานและนำต้นโพธิ์ไปที่ปลูกที่แท่น หากปลูกได้ก็จะสามารถน้อคเอาท์คู่ต่อสู่ได้ ทั้งนี้ ในการแข่งขันในสนามจริงทุกคนต้องมีความสามัคคี ควบคู่สมาธิที่ดีมากๆ นอกจากนี้ ยังต้องแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน และร่วมกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างดีที่สุด” นิค กล่าวหัวหน้าทีมสีน้ำตาล เล่าต่อว่า กว่า 1 เดือนที่ต่างสถาบันทำงานร่วมกัน ได้รับประสบการณ์ที่ดีมาก ขณะเดียวกัน ก็เจอปัญหาตลอดเวลาตั้งแต่การเริ่มทำหุ่นยนต์ที่ไม่สามารถใช้งานได้ แต่ร่วมกันแก้ไขจนสำเร็จก่อนการแข่งขันเพียง 1 วันเท่านั้น หลังจากแข่งขันในรอบแรกก็ต้องแก้ไขหุ่นยนต์กันเป็นระยะ อีกทั้ง ต้องใช้ความอดทน ตั้งใจ และแก้ไขปัญหา จนประสบความสำเร็จ นับเป็นชัยชนะที่ทุกคนภูมิใจมากแม้ว่าวันนี้ ประเทศไทยจะตามหลังบางประเทศในด้านเทคโนโลยีอยู่บ้าง แต่เทคโนโลยีคงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และคงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไร้ความสำคัญ เพราะทุกคนเห็นแล้วว่าศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรบุคคลประเทศไทยพร้อมจะประกาศให้โลกรับรู้ ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ อาจจะได้เห็นหุ่นยนต์ไทย ติดอันดับ 1 อาเซียน ก็เป็นได้ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ ขวนขวายพัฒนาให้ทันโลกดิจิตอล หรือย่ำอยู่กับที่เป็นเต่าล้านปี...


ไมโครคอมพิวเตอร์กับแม่บ้าน(ต่อ)


ฟังเพลงจากเครื่องเสียงหรือวิทยุที่เป็นระบบดิจิตอล หรือจะฟังจากเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ก็ได้ ดูวีซีดีผ่านทางไมโครคอมพิวเตอร์ ทำกับข้าวด้วยหม้อหุงข้าวอัตโนมัติ มาทำงานด้วยรถส่วนตัวที่ควบคุมการใช้น้ำมันอย่างประหยัด ก้าวเข้าลิฟท์ที่ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุม ติดต่อโทรศัพท์ด้วยโทรศัพท์ระบบกดปุ่ม หรือถ้าไม่อยู่ก็จะบันทึกข้อความไว้ให้ พิมพ์ดีดด้วยโปรแกรมเวิร์ดโปรเซสซิ่ง ฯลฯ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรานึก ล้วนแต่ใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ที่สร้างความสะดวกสบายให้เรานั่นเอง
เครื่องเล่น VCD
ความสะดวกสบายอยู่ที่ปลายนิ้ว
เครื่องทุ่นแรงสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ มักมีการออกแบบใช้งานง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น เครื่องซักผ้าเริ่มทำงานได้ด้วยเพียงนำเสื้อผ้าใส่เข้าไป พร้อมผงซักฟอกแล้วใช้ปลายนิ้วกดเริ่มต้น เครื่องก็จะเริ่มเดินและทำตามโปรแกรมที่ผู้ออกแบบเครื่องจัดไว้จนเสร็จสิ้น ความสะดวกสบายเหล่านี้มีโอกาสเป็นไปได้อย่างมาก ในงานบีโอไอแฟร์ 2000 ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อประมาณ ต้นปี 2543 หากเข้าไปดูการจัดงานภายในจะเห็นได้ว่า มีบริษัทหนึ่ง ได้ออกแบบบ้านในอนาคต ที่ประกอบด้วยไมโครคอมพิวเตอร์ควบคุมกลไกการทำงานต่าง ๆ เป็นไปในรูประบบอัตโนมัติทั้งสิ้น
เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ
ไมโครคอมพิวเตอร์ในบ้าน

เตือนไฟไหม้
เตือนโจรกรรม
เตือนก๊าซรั่ว
เปิดปิดการระบายอากาศ
ตรวจสอบผู้มาเยือนที่หน้าประตูบ้านด้วยกล้องทีวี
ระบบแจ้งโทรศัพท์อัตโนมัติ
ระบบบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการเตือนภัย
หมุนโทรศัพท์อัตโนมัติ
รับส่งข้อมูลด้วยภาพ
ควบคุมอุณหภูมิและการทำงานของเครื่องปรับอากาศ
ควบคุมการปิดเปิดไฟฟ้าแสงสว่าง
ควบคุมอุปกรณ์เครื่องทุ่นแรงบางชนิดในครัว
ระบบควบคุมการปิดเปิดประตูอัตโนมัติ
ควบคุมการใช้ก๊าซ
ควบคุมการใช้น้ำประปา
ควบคุมการใช้เครื่องปรับอากาศ
ควบคุมการใช้ไฟฟ้า
จดบันทึกข้อมูลประจำวัน
จดหมายเลขโทรศัพท์
ทำบัญชีรับ-จ่ายประจำวัน
คิดคำนวณรายการอาหาร
เกมคอมพิวเตอร์
ใช้สอนความรอบรู้อื่น ๆ
ใช้เป็นเพื่อนคู่คิดยามมีปัญหา
ใช้เป็นฐานข้อมูล เช่น ข้อมูลการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจซ่อมวัสดุเครื่องใช้ในบ้าน
ใช้เป็นฐานการรับส่งข้อมูล เช่น การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การส่งแฟกซ์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ใช้ในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ 1. ระบบเตือนภัยในบ้าน 2. ระบบควบคุมเครื่องใช้ในบ้าน 3. ระบบการควบคุมการประหยัดพลังงาน 4. ระบบจัดการในบ้าน 5. ระบบการพักผ่อนหย่อนใจ 6. อื่น ๆ ความฝันที่เป็นจริง
ไมโครคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มียอดการขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันในประเทศไทยมีบริษัทที่ทำธุรกิจการขายไมโครคอมพิวเตอร์กันมาก บางบริษัทมียอดการขายได้สูงมาก ส่วนใหญ่ของการขาย ผู้ขายกำลังมองไมโครคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องใช้ประจำบ้าน เหมือนวิทยุทีวีเครื่องหนึ่ง
ในประเทศไทยแม่บ้านส่วนใหญ่จะซื้อไมโครคอมพิวเตอร์ไว้ใช้ในบ้านนั้น จะเริ่มจากความต้องการเพื่อให้สมาชิกของครอบครัวเล่นเกมมาเป็นอันดับหนึ่ง คือจะถามก่อนซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ว่า เครื่องนี้สามารถดูหนังฟังเพลง และเล่นอินเทอร์เน็ตได้ เพราะยังไม่ได้เรียนรู้ถึงประสิทธิภาพของเครื่องอย่างดี จึงใช้เครื่องไม่คุ้มค่านัก นอกจากนี้ต้องการใช้เป็นเครื่องฝึกหัดเรียนรู้ถึงการใช้คอมพิวเตอร์เป็นอันดับสอง ซึ่งเป็นแนวทางที่จะใช้เครื่องให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในอนาคต นอกจากนั้นอาจใช้ในงานเฉพาะบางอย่าง เช่น พ่อบ้านต้องการมาใช้คำนวณ หรือทำ presentation เป็นต้น ประมาณกันว่ามีไมโครคอมพิวเตอร์กว่าแสนเครื่องที่ประกอบเป็นระบบสมบูรณ์ได้รับการนำเข้าในประเทศไทย นอกจากนี้ไมโครคอมพิวเตอร์ได้แฝงมาในรูปแบบอื่น เช่น เครื่องควบคุมเตาอบ เครื่องซักผ้า วิดีโอเทป ฯลฯ ไมโครคอมพิวเตอร์จึงเข้ามาในรูปแบบที่อาจเป็นเครื่องใช้สำเร็จ หรือมาเป็นเครื่องที่เห็นกันอยู่ทั่วไปที่ประกอบด้วยคีย์บอร์ดและจอภาพ ฯลฯ
เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียสามารถดูหนังฟังเพลงได้
สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้
หุ่นยนต์คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้
จากภาพถ่ายตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่เราพบเห็นกันในเรื่องของหุ่นยนต์ใช้งานในบ้าน ปัจจุบันหุ่นยนต์ในสหรัฐอเมริกา มีความสามารถทำงานพื้นฐานได้ เช่น เปิดปิดประตูบ้าน ให้รับโทรศัพท์ กวาดถูบ้าน ได้มีผู้เริ่มนำออกสู่ท้องตลาดกันบ้างแล้ว หุ่นยนต์อาจแทนเด็กรับใช้ หรืออาจเป็นผู้ช่วยงานแม่บ้านได้ ในสังคมที่หาผู้ช่วยที่เป็นคนยากเย็นอย่างในปัจจุบันนี้ นอกจากนี้หุ่นยนต์ยังจะเป็นเด็กรับใช้ที่ซื่อสัตย์ไม่อู้งาน และไม่ต้องคอยกังวลเรื่องต้องเอาใจ และไว้วางใจได้ เพราะหุ่นยนต์จะทำงานตามโปรแกรมที่วางไว้ไม่มีผิดพลาด
ไมโครคอมพิวเตอร์กับการใช้งานทางการศึกษา
ขีดความสามารถของไมโครคอมพิวเตอร์ปัจจุบันสามารถทำงานได้คล่องตัว ผู้ใช้ใช้งานได้ง่าย การแสดงผลเป็นรูปภาพเหมือนเช่นทีวีเกมทำได้ไม่ยากเย็นนัก การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยงานสอนเด็กเล็ก จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจกับเด็กเป็นอย่างมาก ในโรงเรียนอนุบาลบางแห่งมีการใช้ไมโครคอมพิวเตอร์เขียนภาพสีสรรสวยงามให้เด็กดู และเมื่อเด็กสัมผัสก็จะมีการโต้ตอบด้วยการดึงความสนใจด้วยเทคนิคและวิธีการต่าง ๆ ในเด็กโต การสอนด้วยไมโครคอมพิวเตอร์อาจสร้างบทเรียนพิเศษไว้ในคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว และเมื่อต้องการเรียนรู้ก็อาศัยไมโครคอมพิวเตอร์เป็นครูคอยช่วยสอน ทำให้ทุ่นแรงและได้ผลเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีผู้นำเอาไมโครคอมพิวเตอร์ใช้งานร่วมกับเทปคาสเซตต์ เก็บข้อมูลทั้งภาพและเสียง เพื่อใช้ในการสอนในวิชาภาษาศาสตร์ การให้เด็กเล็ก ๆ เริ่มรู้จักหลักการทางคอมพิวเตอร์จะเป็นการปลูกฝังนิสัยการเป็นระเบียบ มีการทำงานเป็นขั้นตอน รู้วิชาการวิเคราะห์ปัญหา หรือแยกแยะปัญหา การที่เด็กมีนิสัยดังกล่าว อนาคตก็เป็นที่เชื่อได้ว่าเราจะมีผู้ใหญ่ที่เข้าใจการทำงานแบบมีระบบเพิ่มขึ้น การศึกษาไมโครคอมพิวเตอร์จำเป็นหรือไม่ การใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยยังไม่เต็มประสิทธิภาพหรือคุ้มค่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเนื่องมาจากระดับความเข้าใจพื้นฐานทางไมโครคอมพิวเตอร์ของเรายังน้อยอยู่ พ่อแม่บางท่านอยากให้ลูกได้คุ้นเคยและรู้จักกับไมโครคอมพิวเตอร์ถึงกับลงทุนซื้อไมโครคอมพิวเตอร์ด้วยเงินพันเงินหมื่น ผลที่สุดทั้งพ่อแม่และลูกก็ใช้ไมโครคอมพิวเตอร์นั้นไม่เป็นก็เลยเป็นเพียงเครื่องประดับที่แสนจะเกะกะสิ้นเปลือง ฉะนั้นการศึกษาในเรื่องนี้จึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาขึ้นให้แพร่หลาย เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพของการใช้เครื่องนั่นเอง
บทเรียนที่ควรศึกษา
ไมโครคอมพิวเตอร์เป็นของใหม่ที่ได้รับความตื่นตัวอย่างมากทุกวงการ การศึกษาหาความรู้ทางด้านไมโครเพื่อว่าอย่างน้อยเมื่อพบเห็นจะได้เข้าใจ หรือเรียนรู้ต่อได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น การตัดสินใจซื้อจึงเป็นเรื่องที่จะต้องคิดให้ดีเสียก่อน ควรถามตัวเองว่าจะซื้อมาเพื่อประโยชน์อะไร และมีผลคุ้มค่าเพียงไร และอย่าเชื่อคำโฆษณาของนักขายไมโครคอมพิวเตอร์ที่โฆษณาจนเห็นว่าไมโครคอมพิวเตอร์คือกล่องวิเศษ อุปกรณ์ควบคุมใดที่ใช้ส่วนประกอบของไมโครคอมพิวเตอร์ประกอบมักจะทำงานได้แบบอัตโนมัติ ตามโปรแกรมที่ผู้ผลิตหรือผู้ใช้ตั้งเอาไว้ ควรเรียนรู้และศึกษาวิธีการโปรแกรมให้ละเอียดจะได้ใช้มันอย่างคุ้มค่า
การใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ในบ้านสำหรับประเทศไทยยังมีที่ใช้น้อย ทั้งนี้เพราะฐานะทางเศรษฐกิจ ประจวบกับเทคโนโลยีของประชาชนยังไม่สูง ไมโครคอมพิวเตอร์แบบใช้วางตั้งโต๊ะทั่วไปก็ยังมีราคาที่ค่อนข้างแพง โดยเฉลี่ยตั้งแต่ 30,000 ถึง 100,000 บาท การนำเข้ามาส่วนใหญ่ยังเกิดปัญหาวิธีการใช้งานให้ได้คุ้มค่า ยังขาดการเผยแพร่ ในอนาคตไมโครคอมพิวเตอร์จะมีราคาถูกลง และขีดความสามารถจะพลอยยิ่งสูงขึ้น การใช้งานก็จะง่ายขึ้น แม้กระทั่งคนที่ไม่มีความรู้ใด ๆ เลยก็จะใช้เครื่องได้เหมือนกับเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้าน ที่ทุกบ้านจะต้องมีใช้ และทุกคนก็จะเคยชินกับไมโครคอมพิวเตอร์เหมือนกับเครื่องคิดเลขหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันในปัจจุบัน




ไมโครคอมพิวเตอร์กับแม่บ้าน

ปัจจุบันไมโครคอมพิวเตอร์ ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของคนโดยทั่วไป ซึ่งในความหมายของไมโครคอมพิวเตอร์แบบง่าย ๆ ซึ่งทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้คือ "ไมโครคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถทำงานหลาย ๆ อย่างแทนคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ" ฉะนั้น ยิ่งใช้เครื่องคอมพิวเตอร์มากเท่าไร ก็ยิ่งจะมีแรงงานเหลือที่จะทำงานอย่างอื่นได้มากขึ้นเท่านั้น การศึกษาหาความรู้เรื่องไมโครคอมพิวเตอร์ไว้เพื่อว่าอย่างน้อยจะได้เข้าใจ และทำการศึกษาได้อย่างรวดเร็วเมื่อถึงคราวจำเป็นจะต้องใช้มันจริง ๆ
"ขณะนี้เป็นเวลา 2 ทุ่ม ของวันที่ 10 กรกฎาคม 2543 (หรือปี ค.ศ. 2000 ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นปัญหาในการนำเสนอของสื่อมวลชน ว่าจะใช้ปี ค.ศ. 2000 เหมือนกับฝรั่ง หรือจะใช้ปี พ.ศ. 2543 ของไทย) ณ ที่บ้านของนายแพร์สัน ประเทศสหรัฐอเมริกา นางแพร์สันกำลังนั่งอยู่หน้าจอทีวีกดรีโมทคอนโทรล เพื่อเลือกรายการข่าวสารทางเว็บทีวี เพื่อรับรายงานข่าวจากท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาที่กำลังอยู่ในระหว่างการออกเสียงเลือกตั้งนายกสมาคมสตรีแห่งหนึ่ง นางแพร์สันกดแป้นคีย์บอร์ดเพื่อส่งคะแนนการออกเสียงเลือกตั้งของตนผ่านทางอินเทอร์เน็ต หลังจากนั้นเธอก็กดรีโมทคอนโทรลเลือกรายการใหม่ เพื่อรับทราบข่าวพยากรณ์อากาศของวันรุ่งขึ้น นายแพร์สันกำลังสนใจระบบข้อมูลกลางเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ โดยนายแพร์สันได้เข้าไปเรียกค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์โดยผ่านทางโมเด็มที่บ้าน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการควบคุมแหล่งรับพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น มารีน่า ลูกสาวของนายแพร์สัน เพิ่งเสร็จสิ้นจากการค้นหาหนังสือ 2 เล่ม จากการใช้ระบบเรียกข้อมูลจากที่บ้านผ่านทางอินเทอร์เน็ต ลิซ่าลูกสาวคนเล็กกำลังเพลิดเพลินกับการคุยกับเพื่อน ๆ ทางอินเทอร์เน็ต" เหตุการณ์เหล่านี้เป็นภาพที่เกิดขึ้นแล้วภายใต้ยุคอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน
ไมโครคอมพิวเตอร์คืออะไร
หากพิจารณากล่องสี่เหลี่ยมใบหนึ่งที่มีคีย์บอร์ดและจอภาพประกอบอยู่ด้วย และเมื่อกดข้อความบางอย่างลงไป มันก็จะตอบมาด้วยข้อความที่อ่านออกและแสดงความหมายบางอย่างที่เราเข้าใจ เราจะเหมาว่าสิ่งนั้นเป็นไมโครคอมพิวเตอร์เลยหรือ ตามเกณฑ์ของไมโครคอมพิวเตอร์แล้ว ไมโครคอมพิวเตอร์คืออุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์เล็ก ๆ อันหนึ่งที่สามารถประมวลข้อมูลจากอินพุท และส่งผลลัพธ์ของข้อมูลนั้นออกทางเอาท์พุทได้ การประมวลผลนี้ต้องเป็นไปตามโปรแกรมหรือ คำสั่งที่ผู้สั่งงานได้บอกหรือป้อนไว้ให้ก่อนแล้ว หากพิจารณาไมโครคอมพิวเตอร์เหมือนหุ่นยนต์เด็กเล่นตัวหนึ่ง การทำงานจะทำตามคำสั่งโดยการป้อนข้อมูลคำสั่งเข้าที่อินพุท เช่น ให้เดินตรง 1 เมตร เลี้ยวขวา 30 องศา และจะประมวลผลด้วยการทำตามส่งผลออกทางเอาท์พุทคือ การเคลื่อนที่ ในการเดินตรง 1 เมตร แล้วเลี้ยวขวา 30 องศา แต่อย่างไรก็ตาม การสั่งการ เช่น เดินตรงและเลี้ยวขวานี้คอมพิวเตอร์ต้องรับทราบก่อนกล่าวคือ ได้มีการสอนหรือเตรียมโปรแกรมให้รับทราบคำสั่งนี้ไว้ก่อนแล้วนั่นเอง
ทำไมแม่บ้านต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับไมโครคอมพิวเตอร์
คำถามนี้คงจะเป็นคำถามที่น่าจะได้รับตั้งแต่เริ่มอ่านหัวข้อของบทความนี้ จริงอยู่ที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ล้าหลังทางเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่เราก็คงยอมรับว่าเทคโนโลยีเกี่ยวกับไมโครคอมพิวเตอร์ ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทที่สำคัญมีอยู่มากแล้วรอบ ๆ ตัวเรา จะสังเกตได้จากในปัจจุบันเมื่อเราเปิดดูโทรทัศน์ตามช่องต่าง ๆ จะเห็นว่า ภายใต้โลโกของสถานีโทรทัศน์ช่องนั้น ๆ จะปรากฏ ชื่อเว็บไซด์ ให้เราเข้าไปดูรายการหรือข้อมูลต่าง ๆ ของสถานีโทรทัศน์ช่องนั้น ๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ หรือในรายการทีวี จะมีการให้อีเมล์แอดเดรส เพื่อให้ผู้ชมรายการติดต่อได้ จะเห็นได้ว่าการใช้งานไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคน แม่บ้านบางท่านอาจจะนึกว่าไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องมาเรียนรู้ไมโครคอมพิวเตอร์และคิดว่ายังห่างไกลกับ การใช้ไมโครคอมพิวเตอร์อีกมาก แต่ความเป็นจริงแล้ว ไมโครคอมพิวเตอร์ได้เข้ามาหาแม่บ้านถึงในบ้านแล้ว โดยที่แม่บ้านเองก็ยังไม่ได้ตั้งตัวหรือรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ไมโครคอมพิวเตอร์ได้เริ่มเข้ามาในรูปของเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ เช่น พัดลมที่ตั้งเวลาให้พัดโดยอัตโนมัติ เครื่องซักผ้าที่ซักและบิดให้เองโดยอัตโนมัติ ฯลฯ จนเลยเข้าไปถึงในครัว เช่น เตาอบที่จะดับไฟเอง เมื่อร้อนถึงอุณหภูมิที่ต้องการ หม้อหุงข้าวที่ดับไฟเองเมื่อข้าวสุก ฯลฯ การที่แม่บ้านจะเรียนรู้เรื่องไมโครคอมพิวเตอร์ไว้บ้าง ก็จะเป็นประโยชน์ในการรับรู้ว่า จะใช้มันให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุดได้อย่างไร จะมีวิธีการบำรุงรักษาขั้นพื้นฐานที่ทำให้มันมีอายุยืนนานที่สุด โดยไม่ต้องเสียเงินเสียทองซ่อมแซมได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องรู้หลักการพื้นฐานทางไมโครคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง
ไมโครคอมพิวเตอร์อยู่ที่ใดในบ้านบ้าง
เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนารุดหน้าอย่างรวดเร็ว คอมพิวเตอร์เมื่อ 20 ปีที่แล้วมีขนาดใหญ่โตมโหฬารคับห้อง มีราคาเรือนแสนเรือนล้าน ได้ลดขนาดลงมาเหลือเพียงขนาดเล็กสามารถบรรจุเข้าในกลักไม้ขีดไฟได้ และมีราคาเพียงไม่กี่ร้อยบาท ด้วยเหตุนี้เอง ไมโครคอมพิวเตอร์จึงแทรกเข้ามาในทุกวงการ ทุกรูปแบบและมีผลโดยตรงต่อชีวิตประจำวันตั้งแต่ลืมตาขึ้นจนถึงเข้านอนอีกครั้ง ลองนึกดูว่าเราตื่นขึ้นด้วยนาฬิกาปลุกเสียงหวานที่สร้างด้วยไมโครคอมพิวเตอร์ ตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงดิจิตอลของเล่นในยุคใหม่


ฮิวแมนนอยด์ อีกก้าวการพัฒนาหุ่นยนต์ไทย

ด้วยความร่วมมือล่าสุดระหว่าง สมาคมหุ่นยนต์ไทย-เนคเทค-ซีเกท หวังยกระดับศักยภาพเยาวชนไทยและเศรษฐกิจ ด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์นอกห้องเรียน สู่การประยุกต์ใช้จริง ...
วิวัฒนาการที่ล้ำหน้าในปัจจุบัน ได้ขยายและกระจายตัวอยู่แทบจะทุกที่ในสังคม ทั้งภาคอุตสาหกรรม เชิงพาณิชย์ ตลอดจนภาคการศึกษาและการดำเนินชีวิต ทำให้หลายฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญและสนับสนุนเรื่องดังกล่าวมากขึ้น โดยการผลักดันและปลูกฝังความรู้ให้แก่เยาวชน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สะท้อนกลับมาสู่สังคม พร้อมขยายศักยภาพไปยังต่างประเทศและระดับโลกต่อไป
เช่นเดียวกับการแข่งขัน “ฟุตบอลหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ชิงแชมป์ประเทศไทย 2552” (Thailand Humanoid Soccer Competition 2009) ความร่วมมือระหว่าง สมาคมวิชาการหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และบริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความชำนาญในสาขาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ และยานยนต์ แก่นิสิตนักศึกษา พร้อมทั้ง กระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวในการทำกิจกรรมนอกหลักสูตร และหาตัวแทนจากประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลหุ่นยนต์ชิงแชมป์ชิงโลก (World Robocup 2010) ณ ประเทศสิงคโปร์...
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ นายกสมาคมวิชาการหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย เปิดเผยรายละเอียดว่า การจัดแข่งขันฟุตบอลหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ชิงแชมป์ประเทศไทยฯ ในครั้งนี้ สมาคมฯ ได้รับทุนสนับสนุนจากเนคเทคและซีเกท รวม 2,200,000 บาท โดยสมาคมฯ ได้รับความร่วมมือจากซีเกท ที่สนับสนุนการจัดแข่งขันหุ่นยนต์ประเภทต่างๆ เป็นเวลานานกว่า 7-8 ปี ด้วยความมุ่งหวังในการสร้างบุคลากรด้านเทคโนโลยี เพื่อก้าวไปสู่การเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรม ขณะที่การสนับสนุนจากเนคเทคถือเป็นสัญญาณที่ดีของวงการเทคโนโลยีไทย เนื่องจาก หน่วยงานภาครัฐเริ่มให้ความสำคัญและสนับสนุนกิจกรรม ถือเป็นอีกขั้นความสำเร็จของการพัฒนา
นายกสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย ให้รายละเอียดต่อว่า หลายประเทศที่เป็นประเทศเจริญแล้ว ต่างมีนโยบายเพื่อสนับสนุนให้เยาวชนในประเทศเกิดกระบวนการคิดที่สร้างสรรค์ และเชื่อมโยงไปถึงธุรกิจหรือภาคอุตสาหกรรม เชื่อว่า การแข่งขันฟุตบอลหุ่นยนต์ฯ ในประเทศไทยครั้งนี้ จะสามารถปลูกฝังการทำงานด้วยตนเองและทีม รวมถึง การนำความรู้นอกห้องเรียน มาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับอุตสาหกรรม ธุรกิจ และสังคม จากการรับและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีทั้งภายในและภายนอกประเทศ พบว่า ผลงานของนักเรียนนักศึกษาที่ส่งเข้าแข่งขันในแต่ละปี มีการพัฒนาฝีมือและอยู่ในแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง สมาคมฯ จึงเตรียมส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันมากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้เด็กหันมาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยการแข่งขันครั้งนี้ จะมีการอบรมเพื่อเตรียมพื้นฐานความรู้แก่ผู้ร่วมแข่งขัน หลังจากนั้นจะเป็นการคัดเลือกด้วยโจทย์การทดสอบ และตัดสินด้วยการประดิษฐ์หุ่นยนต์
ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ ให้รายละเอียดอีกว่า ปัจจุบัน เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงเยาวชนได้โดยง่าย ผ่านรูปแบบต่างๆ อาทิ ความบันเทิง เกมส์ และการเรียน เมื่อเกิดช่องทางที่เด็กสามารถเข้าถึงและตอบรับเทคโนโลยีได้ ผู้เกี่ยวข้องก็ควรเร่งหาโอกาสที่จะกระตุ้นให้เด็กสามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในอนาคต สมาคมฯ เตรียมเปิดพื้นที่สำหรับจัดการแข่งขันในระดับบุคคลธรรมดาแก่ประชาชนทั่วไป เพื่อรองรับและตอบสนองความต้องการของผู้ที่สนใจการประดิษฐ์และเทคโนโลยีด้านดังกล่าว นอกจากนี้ ภาครัฐควรเพิ่มบทบาท ผลักดัน และต่อยอดโครงการ เพื่อเป็นประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ต่อไป


รูปแบบการทำงานของหุ่นยนต์

ลำดับที่ 1. หุ่นยนต์เปลี่ยนทิศอุปกรณ์หลัก บอร์ดควบคุมหุ่นยนต์หุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ไปด้านหน้าซักระยะหนึ่งจากนั้นจะเลี่ยงซ้าย แล้วก็จะเดินหน้าต่อไป ช่วงเวลาในการเลี้ยวเราปรับได้จากการหมุน VR ที่บอร์ดควบคุม
ลำดับที่ 2. หุ่นยนต์เต้นรำ อุปกรณ์หลัก บอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ หุ่นยนต์ตัวนี้จะหมุนซ้ายและหมุนขวาเป็นสลับกันไปเรื่อยๆเป็น จังหวะ เสมือนว่าหุ่นยนต์กำลังเต้นรำอยู่ ช่วงเวลาการหมุนก็ปรับได้จาก VR บนบอร์ดควบคุม
ลำดับที่ 3. หุ่นยนต์ ท. ซ้ายขวาซ้าย อุปกรณ์หลัก บอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ หุ่นยนต์ตัวนี้จะจะเคลื่อนที่ทางซ้ายและทางขวาสลับกันไปมาเป็นจังหวะ ช่วงเวลาก็ปรับได้จาก VR บนบอร์ดควบคุม
ลำดับที่ 4.หุ่นยนต์ขี้เมา อุปกรณ์หลัก บอร์ดควบคุมหุ่นยนต์หุ่นยนต์ ตัวนี้จะเดินเลี้ยวซ้ายแล้วหมุนขวาแล้วจะเลี้ยวซ้ายและก็หมุนขวา อีกจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจังหวะช่วงเวลาก็ปรับได้จาก VR บนบอร์ดควบคุม
ลำดับที่ 5.หุ่นยนต์เต้นตามแสง อุปกรณ์หลัก แผงเซนเซอร์แสงLDRหุ่นยนต์ตัวนี้จะหมุนซ้ายอยู่กับที่ถ้ามีแสง แต่ถ้าไม่มีแสงก็จะหยุดหมุน
ลำดับที่ 6. หุ่นยนต์สำรวจยามค่ำคืน อุปกรณ์หลัก แผงเซนเซอร์แสงLDRหุ่นยนต์ตัวนี้จะเคลื่อนที่ไปหน้าได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในที่มืดหรือที่ไม่มีแสงเท่านั้น
ลำดับที่ 7. หุ่นยนต์หลบหลีกเงามืดอุปกรณ์หลัก แผงเซนเซอร์แสงLDR หุ่นยนต์ตัวนี้ เมื่อมีแสงมาทางด้านขวา หุ่นยนต์จะหนีไปทางซ้าย และ เมื่อมีแสงมาทางด้านซ้าย หุ่นยนต์จะหนีไปทางด้านขวา
ลำดับที่ 8.หุ่นยนต์รีโมทไฟฉาย อุปกรณ์หลัก แผงเซนเซอร์แสงLDR หุ่นยนต์ตัวนี้จะเคลื่อนไหวไปตามแสงของไฟฉายที่เราส่องไป ถ้าเราต้องการให้หุ่นยนต์เลี้ยวซ้ายก็ให้ส่องไปที่เซนเซอร์ด้านซ้าย และต้องการให้หุ่นยนต์เลี้ยวขวาก็ให้ส่องไปที่เซนเซอร์ด้านขวา แต่ถ้าต้องการให้วิ่งตรงก็ส่องไปยังเซนเซอร์ทั้งสองข้าง ถ้าเราส่องแสงสลับกันไปมาระหว่าง ซ้ายขวา หุ่นยนต์ก็จะเดินแบบซิกแซ็ก
ลำดับที่ 9.หุ่นยนต์ค้นหาสมบัติ อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์หุ่นยนต์ตัวนี้จะเคลื่อนที่ไปด้านหน้าเรื่อยๆ และเมื่อเจอสมบัติ (เหรียญ) หุ่นยนต์จะหยุดทำงาน
ลำดับที่ 10.หุ่นยนต์หลบหลีกพื้นดำ อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์แสงLDRหุ่นยนต์ตัวนี้ เมื่อวางหุ่นยนต์ลงบนพื้นที่สีขาวหุ่นยนต์จะเดินไปหน้าแต่เมื่อเดินไปจนเจอพื้นสี ดำหุ่นยนต์จะทำการหลบโดยการหมุนขวาจนพ้นพื้นสีดำก็จะทำการเดินหน้าต่อไป
ลำดับที่ 11.หุ่นยนต์หลบหลีกพื้นสีขาวอุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์แสงLDRหุ่นยนต์ตัวนี้จะทำงานตรงกันข้ามกับหุ่นยนต์หลบหลีกพื้นดำ เมื่อวางหุ่นยนต์ลงบนพื้นที่สีดำหุ่นยนต์จะเดินไปหน้าแต่เมื่อเดินไปจนเจอพื้นสี ขาวหุ่นยนต์จะทำการหลบโดยการหมุนขวาจนพ้นพื้นสีขาวก็จะทำการเดินหน้าต่อไป
ลำดับที่ 12. หุ่นยนต์สะกดรอยตามเส้นดำพื้นขาว อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์แสงLDRหุ่นยนต์ตัวนี้จะเดินซ้ายขวาสลับกันไปตามเส้นสีดำบนพื้นขาว
ลำดับที่ 13.หุ่นยนต์เดินตามเส้นมุงสู่เป้าหมาย อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์แสงLDRหุ่นยนต์ตัวนี้ จะเดินตามเส้นมีดำไปเรื่อยๆ
ลำดับที่ 14.หุ่นยนต์ค้นหาแสงสว่าง อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์แสงLDRเมื่อเราวางหุ่นยนต์ไว้ในที่มืดหรือในที่ที่ไม่มีแสงเข้าถึง หุ่นยนต์หมุนซ้ายเพื่อค้นหาหาแสงสว่าง และเมื่อเราใช้ไฟฉายส่องไปที่ตัวหุ่นยนต์ หุ่นยนต์ก็จะเดินตามแสงไป หรือจะใช้วิธีปิดเปิดหลอดไฟที่บ้านก็ได้
ลำดับที่ 15.หุ่นยนต์กลัวแสงวิ่งเข้าที่มืดอุปกรณ์หลัก แผงเซนเซอร์แสงLDRเมื่อวางหุ่นยนต์ในที่มีแสงสว่างหุ่นยนต์จะเคลื่อนไปหน้า แต่เมื่อไปเจอที่มืดหุ่นยนต์ก็จะหยุดเคลื่อนไหว
ลำดับที่ 16.หุ่นยนต์ย่องเบา อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์แสงLDRหุ่นยนต์ตัวนี้จะไม่เคลื่อนไหวถ้าอยู่ในที่มีแสงสว่าง ให้เรานำไปวางในที่มืดจะทำให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหวแล้วก็หยุดสักพักแล้วก็จะเคลื่อนไหวต่อไปอีก จะกว่าจะมีแสงสว่างจะเจอแสงสว่างหุ่นยนต์ถึงจะหยุดเดิน เราปรับช่วงเวลาในการเคลื่อนไหวในที่มืดได้โดยการปรับ VR บนบอร์ดควบคุม
ลำดับที่ 17.หุ่นยนต์หาเช้ากินค่ำ อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์แสงLDRเมื่อวางหุ่นยนต์ตัวนี้ในพื้นที่มีแสงสว่างจะทำให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า และ เมื่อเจอที่มืดหุ่นยนต์จะหมุนขวาไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอแสงสว่างถึงจะเคลื่อนไหวไปข้างหน้า
ลำดับที่ 18.หุ่นยนต์เป้าหมายอุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์หุ่นยนต์ตัวนี้จะเคลื่อนที่ไปด้านหน้าโดยมีเป้าล่อติดตั้งไว้ และเมื่อปาลุกปิงปองโดนที่เป้าล่อ หุ่นยนต์จะหยุดทำงาน
ลำดับที่ 19.หุ่นยนต์หลบหลีกสิ่งกีดขวางอุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์อินฟาเรดหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าถ้าเจอสิ่งกีดขวางอยู่ด้านซ้ายหุ่นยนต์จะเลี้ยวขวาเพื่อ ถ้าเจอทางด้านขวาหุ่นยนต์จะเลี้ยวซ้ายหลบ แต่ถ้าเจอพอกันทั้งสองข้างหุ่นยนต์จะหยุดเคลื่อนไหวอยู่กับที่
ลำดับที่ 20.หุ่นยนต์กลัวความสูงอุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์อินฟาเรดให้วางหุ่นยนต์แนวเฉียงกับโต๊ะเมื่อหุ่นยนต์ใกล้จะตกโต๊ะมันจะทำการเลี้ยวขวาเพื่อหลบออกไป
ลำดับที่ 21.หุ่นยนต์เคลื่อนที่ตามผนังอุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์อินฟาเรดหุ่นยนต์ตัวนี้จะเคลื่อนที่ไปตามผนังโดยถ้าเซ็นเซอร์ด้านขวาเจอกำผนังก็จะเลี้ยวซ้ายออกมาและถ้าเซ็นเซอร์ไม่เจอผนังก็จะเลี้ยวขวากลับไปหาผนังอีก ทำให้หุ่นยนต์ไต่ผนังแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ลำดับที่ 22.หุ่นยนต์ติดตามเป้าหมายอุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์อินฟาเรดหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ไปตามวัตถุที่เข้าใกล้เซ็นเซอร์โดยถ้าเราเอาเข้าไปใกล้เซ็นเซอร์ด้านซ้ายหุ่นยนต์ก็จะเลี้ยวซ้าย ถ้าเข้าไปใกล้เซ็นเซอร์ด้านขวาก็จะเลี้ยวขวาตามเป้าหมายของเราไป แต่ถ้าเข้าใกล้เซ็นเซอร์ทั้งสองด้านหุ่นยนต์ก็จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ลำดับที่ 23.หุ่นยนต์กลัวที่แคบอุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์อินฟาเรดวางหุ่นยนต์ในพื้นที่โล่งจะเห็นว่าหุ่นยนต์ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่ถ้าเราเอาหุ่นไปวางในกล่องหรือพื้นที่คับแคบหุ่นยนต์จะหมุนขวาไปเรื่อยๆและเมื่อเซ็นเซอร์เจอที่โล่งหุ่นยนต์ก็จะหยุดเคลื่อนไหว
ลำดับที่ 24.หุ่นยนต์วิ่งไม่ชนกำแพง อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์อินฟาเรดหุ่นยนต์ตัวนี้จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยมีเซนเซอร์อินฟราเรดติดอยู่ด้านหน้าของหุ่น ถ้าหุ่นยนต์เคลื่อนที่เข้าใกล้กำแพงจะทำให้เซ็นเซอร์อินฟราเรดทำงานหุ่นยนต์ก็จะหยุดเคลื่อนไหวก่อนที่จะชนกำแพง
ลำดับที่ 25.หุ่นยนต์ผาดโผน อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ หุ่นยนต์จะทำงานแบบเคลื่อนไหวไปข้างหน้าสักพักหนึ่งก็จะหมุนซ้ายแล้วก็จะเคลื่อน ไปข้างหน้าต่อและก็จะหมุนซ้ายอีก เป็นอย่างไปเรื่อยๆ จังหวะในการหมุนของหุ่นยนต์เรา สามารถปรับที่ VR บนบอร์ดควบคุมได้ตามต้องการ
ลำดับที่ 26.หุ่นยนต์สำรวจแหล่งน้ำ อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์หุ่นยนต์ตัวนี้จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและเมื่อเส้นลวดตัวนำสัมผัส ถูกกับแหล่งก็จะทำให้หุ่นยนต์หยุดการเคลื่อนไหว
ลำดับที่ 27.หุ่นยนต์เต้นตามเสียง อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + ไมค์คอนเดนเซอร์วางหุ่นยนต์ลงบนพื้นแล้วปรบมือให้เกิดเสียงดังขึ้น จะทำให้หุ่นยนต์หมุนซ้ายแล้วหยุด ให้ปรบมืออีกครั้ง หุ่นยนต์ก็จะหมุนซ้ายอีกครั้ง เป็นไปตรงจังหวะของเสียง
ลำดับที่ 28 หุ่นยนต์ปลีกวิเวก อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + ไมค์คอนเดนเซอร์ก็ว่างหุ่นยนต์ลงในที่ไม่มีเสียงดัง หุ่นยนต์ก็จะไม่เคลื่อนไหวแต่ถ้าเราปรบมือให้เกิดเสียงดังขึ้น,ก็จะทำให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหวถอยหลังเพื่อหลบจากเสียงดังที่เกิดขึ้น แล้วก็จะหยุดเคลื่อนไหวเมื่อไม่มีเสียงมารบกวน
ลำดับที่ 29.หุ่นยนต์นักเลงหงุดหงิด อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + ไมค์คอนเดนเซอร์ว่างหุ่นยนต์ลงในที่ไม่มีเสียงดัง หุ่นยนต์ก็จะเคลื่อนไหวไปข้างหน้าแต่ถ้าเราปรบมือให้เกิดเสียงดังขึ้นหุ่นยนต์ก็จะหมุนขวา เมื่อเสียงเงียบลงก็จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อ
ลำดับที่ 30.หุ่นยนต์กลัวเสียงนกหวีด อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + ไมค์คอนเดนเซอร์วางหุ่นยนต์ลงบนพื้นในที่ไม่มีเสียงดังหุ่นจะเคลื่อนไหวไปข้างหน้าแต่ถ้าเราเป่านกหวีดหรือปรบมือจนเกิดเสียงดังขึ้นจะทำให้หุ่นยนต์หยุดอยู่กับที่
ลำดับที่ 31.หุ่นยนต์ตามทางแสง อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์แสงLDRหุ่นยนต์ตัวนี้ให้เราวางไว้ที่มืดแล้วใช้ไฟฉายส่องไปให้ ขนานกับตัวหุ่นยนต์ หุ่นยนต์ก็จะเคลื่อนที่ไปตามลำแสงที่ส่องไป
ลำดับที่ 32.หุ่นยนต์นักวิ่ง อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์แสงLDRวางหุ่นยนต์ไว้ในที่ไม่แสงมากหุ่นก็จะค่อยๆเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่ถ้าเจอแสงสว่างมากก็จะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
ลำดับที่ 33.หุ่นยนต์ตามเสียง อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + ไมค์คอนเดนเซอร์วางหุ่นยนต์ลงบนพื้นแล้วปรบมือให้เกิดเสียงดังขึ้น จะทำให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหว ไปข้างหน้าแล้วหยุด ให้ปรบมืออีกครั้ง หุ่นยนต์ก็จะเคลื่อนไหวอีกครั้ง เป็นไปตรงจังหวะของเสียง
ลำดับที่ 34.หุ่นยนต์หลวงพี่ อุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์แสงLDRวางหุ่นยนต์ในที่มีแสงสว่างน้อยจะทำให้หุ่นเคลื่อนไหวไปข้างหน้าและ ก็หยุดและก็เคลื่อนไหวไปข้างหน้าและก็หยุด เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบกับแสงสว่างถึงจะหยุดเคลื่อนอย่างสนิท เราสมารถปรับจังหวะในการเคลื่อนของหุ่นได้จากการปรับที่ VR 2k บนบอร์ดควบคุม
ลำดับที่ 35.หุ่นยนต์กลัวคนอุปกรณ์หลัก แผงบอร์ดควบคุมหุ่นยนต์ + แผงเซนเซอร์อินฟาเรดหุ่นยนต์ตัวนี้ถ้าอยู่ในที่โล่งจะไม่เคลื่อนไปไหนแต่ถ้าเรายืนมือไปมือจะจับ หุ่นยนต์ก็จะถอยหลังเพื่อหนีออกไปแล้วหยุดนิ่ง


เมียหุ่นยนต์ ไม่บ่น ไม่ด่า ตามใจ




บริษัทสัญชาติอเมริกันเปิดตัวหุ่นยนต์แฟนสาวสมองกลนาม "ร็อกซ์ซี่ (Roxxxy)" ในฐานะหุ่นยนต์เพื่อการมีเพศสัมพันธ์พร้อมระบบปัญญาประดิษฐ์ตัวแรกของโลก การันตีว่าแม้จะทำกับข้าวไม่ได้ ทำความสะอาดบ้านไม่ได้ แต่สามารถตอบสนองต่อสัมผัสของหนุ่มๆได้ทั้งในรูปเสียงและการเคลื่อนไหว กลไกภายในมาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวป้องกันการแฮงก์ ที่สำคัญ สามารถส่งอีเมลบอกรักถึงคุณผู้ชายเจ้าของหุ่นยนต์ได้ด้วย
ดักลาส ไฮเนส วิศวกรและผู้ก่อตั้งบริษัท TrueCompanion เปิดตัวแฟนสาวไซบอร์กนี้ในงานมหกรรมสินค้าความบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ AVN Adult Entertainment Expo ที่จัดขึ้นในลาสเวกัสเมื่อวันเสาร์ที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าหุ่นยนต์แฟนสาวเจ้าของความสูง 5 ฟุต 7 นิ้ว น้ำหนัก 120 ปอนด์ จะเป็นเพื่อนที่ดีของหนุ่มขี้เหงา "เธอได้ยิน เธอฟังคุณ เธอพูดและรับรู้สัมผัสจากคุณได้ ขณะนี้เรากำลังพยายามจำลองบุคลิกภาพของมนุษย์ลงไป" ทีมสร้างหุ่นยนต์แฟนสาวนั้นพยายามจำลองบุคลิกภาพของมนุษย์ลงไปในตัวหุ่น แฟนสาวไซบอร์กจึงมีบุคลิกให้เลือก 5 เวอร์ชันภายใต้ 5 ชื่อ ได้แก่ Wild Wendy นิสัยรักอิสระและการผจญภัย, Frigid Farrah สาวรักนวลและขี้อาย, Mature Martha สาวรุ่นสดใสไร้มารยา และ S & M Susan นิสัยโลดโผน เป็นต้น ไฮเนสซึ่งมีดีกรีเป็นวิศวกรระบบปัญญาประดิษฐ์ของห้องปฏิบัติการ Bell Labs มาก่อน ระบุว่าหุ่นยนต์ร็อกซ์ซี่นี้สร้างขึ้นอย่างถูกต้องตามหลักกายวิภาควิทยาทุกประการ หน้าอกหน้าใจคัพ C นั้นตั้งอยู่บนซี่โครงประดิษฐ์ที่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ไม่สามารถลุกขึ้นมาเดินเหินได้อย่างอิสระ โดยการเคลื่อนไหวของหุ่นจะถูกควบคุมโดย "จุดอินพุต" 3 แห่งในตัวหุ่น ซึ่งรวมบริเวณอวัยวะเพศของหุ่นด้วย นอกจากหนุ่มขี้เหงาจะสามารถเลือกคุณสมบัติรอบตัวร็อกซซี่ได้ตามที่ต้องการ เช่น สีผม เชื้อชาติ หรือขนาดหน้าอก ผู้สนใจสั่งซื้อร็อกซ์ซี่ยังสามารถบอกรายละเอียดความชื่นชอบส่วนตัวลักษณะเดียวกับการค้นหาคู่เดทออนไลน์ เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปถ่ายโอนลงในร็อกซซี่ ซึ่งจะทำให้ร็อกซซี่มีรสนิยมเดียวกับเจ้าของ "เธอจะรู้ว่าคุณชอบอะไร หากคุณชอบรถปอร์เช่ เธอก็จะชอบด้วย หากคุณชอบฟุตบอล เธอก็จะชอบฟุตบอล" ร็อกซ์ซี่สามารถส่งเสียงพูดคุยกับเจ้าของได้แม้จะไม่สามารถขยับริมฝีปาก สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายเพื่ออัปเดทซอฟต์แวร์ได้ และสามารถส่งข้อความอีเมลบอกรักเจ้าของได้ด้วย ไฮเนสระบุว่า แรงบันดาลใจในการสร้างหุ่นยนต์เพื่อการมีเพศสัมพันธ์นี้คือโศกนาฏกรรม 11 กันยายน 2001 โดยไฮเนสตั้งปนิธานว่าจะสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถจำลองนิสัยของเพื่อนผู้จากไปในเหตุการณ์นี้ให้ได้ ก่อนจะตัดสินใจก่อตั้งกองทุนเพื่อสร้างหุ่นยนต์ Roxxxy True Companion ซึ่งไฮเนสเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งหนุ่มๆที่ขี้อาย และผู้ต้องการเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย สนนราคาแฟนสาวไซบอร์กอยู่ที่ 7,000-9,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 238,000-306,000 บาทขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ จะเริ่มวางจำหน่ายออนไลน์ในพื้นที่ยุโรปและสหรัฐฯ คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายในพื้นที่อื่นๆทั่วโลกในอนาคต สำหรับหุ่นยนต์แฟนหนุ่ม หรือหุ่นยนต์เพื่อการมีเพศสัมพันธ์เพศชายนั้น ไฮเนสระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาในขณะนี้


Robot กรณีศึกษา Micro Mouse ในส่วนการออกแบบวงจร




Micro Mouse เป็นหุ่นยนต์ที่ทำงานได้ด้วยตัวเองที่สามารถวิ่งสำรวจเขาวงกตที่ไม่รู้จักและสามารถหาเส้นทางโดย ใช้เวลาน้อยที่สุดที่วิ่งจากจุดเริ่มต้นไปยังเส้นชัยที่อยู่กลางเขาวงกตได้ประสิทธิภาพของ Micro Mouse ขึ้นอยู่กับ Hardware และ Software คือ โปรแกรมที่ฉลาด ที่สามารถค้นหาและจดจำเส้นทางในเขาวงกตและ ประมวลผลหาเส้นทางที่ดีที่สุด และขึ้นอยู่กับการออกแบบวงจรของ Micro Mouse และโครงสร้างกลไกเพื่อทำให้ Micro Mouse สามารถโปรแกรมได้ง่าย มีประสิทธิภาพในการเคลื่อนที่และการตรวจจับกำแพง สำหรับกรณีศึกษา Micro Mouse นี้ ศึกษาจากต้นแบบ Micro Mouse ของ Alpha Centre , Ngee Ann Polytechnic , Singapore ซึ่งเป็น Micro Mouse ต้นแบบที่ภาควิชาÎ ได้ใช้เพื่อการศึกษาวิจัย ในการพัฒนา Software และ Hardware บทความนี้ จะศึกษาเฉพาะในส่วนของ Hardware ในส่วนของการออกแบบวงจร


หุ่นยนต์แฟนสาว แก้เหงาหนุ่มไร้คู่



วันนี้เรามีเทคโนโลยีใหม่ๆเอาใจชายหนุ่มมานำเสนออีกแล้วคะ จากที่เคยนำเสนอเรื่องตุ๊กตายางกันไปแล้ว คราวนี้เป็นทีของหุ่นยนต์สาวที่มีชื่อว่า “ ไอโกะ ” ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลได้ว่า “ ผู้ที่รักเด็ก ” คะ
หุ่นยนต์สาวตัวนี้เป็นฝีมือการสร้างของชายหนุ่มชาวแคนาดาคะ แต่ถึงจะบอกว่าเป็นคนแคนาดา แต่ความจริงแล้วเป็นแคนาดาเชื้อสายญี่ปุ่น ( แค่เห็นหน้าตาหุ่นก็น่าจะเดากันออก คิขุโนเนะซะ... ) เขามีชื่อว่าคุณเล จุง คะ เป็นวิศวกรซอฟท์แวร์ อายุ 33 ปี อาศัยอยู่นครโตรอนโต ประเทศแคนาดา
ประโยชน์การใช้สอยของหนูไอโกะก็มีหลากหลายฟังก์ชั่นคะ ทั้งทำความสะอาด ผสมเครื่องดื่ม และอ่านพาดหัวข่าวนสพ.ให้ฟัง นอกจากนี้ยังสามารถจำหน้าคนผู้คนและพูดได้ถึง 1,300 ประโยค แถมหน้าตาก็น่ารักมีหุ่นฟัด 32 – 23 – 33 อีกด้วย
โดยนายเล จุง ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ เดอะ ซัน ของอังกฤษว่าได้ใช้เวลาในการน้องหนูไอโกะถึง 2 ปีคะ เสียเงินเสียทองไปกว่า 21,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 735,000 บาท โดยเงินที่ลงทุนส่วนใหญ่ก็มาจากการขายรถ และการกู้ยืมจากบัตรเครดิต
คุณเล จุง บอกว่าได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างหุ่นไอโกะจาก “ หุ่นยนต์ C3PO ” ของหนังเรื่อง Star Wars โดยกล่าวว่า “ ไอโกะเป็นสิ่งที่พบกันระหว่างวิทยาศาตร์และความสวยงาม ” นอกจากนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ หนูไอโกะไม่ต้องการวันหยุด อาหาร หรือการพักผ่อน เธอเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ ”หนูไอโกะ มีปฏิกริยาตอบสนองเหมือนกับผู้หญิงทุกประการคะ เช่น ถ้าไปคว้าแขน หรือโอบกอดน้องไอโกะแน่นจนเกินไป เธอก็จะไม่ยอมและพยายามยกมือขึ้นมาตบตี ( ตั้งโปรแกรมให้ตบได้ด้วย ซาดิสรึเปล่าเนี้ยย... ) ยกเว้นประสาทการดมกลิ่นที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาคะ โดยคุณเล จุง กล่าวว่า “ พวกผู้หญิงเวลาเจอเธอก็มักจะพยายามเข้ามาพูดคุยด้วย แต่ผู้ชายนี้ซิ เวลาเจอก็มักจะเข้ามาจับ ซึ่งถ้าจับไม่ถูกวิธีละก็ โดนตบแน่! ”
คุณเล จุง พูดย้ำว่า เขาไม่ได้ประดิษฐ์หนูไอโกะขึ้นมาเพื่อกิจกรรมทางเพศ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่วายที่จะพัฒนาระบบซอฟท์แวร์ของหนูไอโกะให้สามารถรู้สึกเสียวซ่าน เลียนแบบความรู้สึกทางเพศของผู้หญิงได้


วันนี้เรามีเทคโนโลยีใหม่ๆเอาใจชายหนุ่มมานำเสนออีกแล้วคะ จากที่เคยนำเสนอเรื่องตุ๊กตายางกันไปแล้ว คราวนี้เป็นทีของหุ่นยนต์สาวที่มีชื่อว่า “ ไอโกะ ” ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลได้ว่า “ ผู้ที่รักเด็ก ” คะ
หุ่นยนต์สาวตัวนี้เป็นฝีมือการสร้างของชายหนุ่มชาวแคนาดาคะ แต่ถึงจะบอกว่าเป็นคนแคนาดา แต่ความจริงแล้วเป็นแคนาดาเชื้อสายญี่ปุ่น ( แค่เห็นหน้าตาหุ่นก็น่าจะเดากันออก คิขุโนเนะซะ... ) เขามีชื่อว่าคุณเล จุง คะ เป็นวิศวกรซอฟท์แวร์ อายุ 33 ปี อาศัยอยู่นครโตรอนโต ประเทศแคนาดา
ประโยชน์การใช้สอยของหนูไอโกะก็มีหลากหลายฟังก์ชั่นคะ ทั้งทำความสะอาด ผสมเครื่องดื่ม และอ่านพาดหัวข่าวนสพ.ให้ฟัง นอกจากนี้ยังสามารถจำหน้าคนผู้คนและพูดได้ถึง 1,300 ประโยค แถมหน้าตาก็น่ารักมีหุ่นฟัด 32 – 23 – 33 อีกด้วย
โดยนายเล จุง ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ เดอะ ซัน ของอังกฤษว่าได้ใช้เวลาในการน้องหนูไอโกะถึง 2 ปีคะ เสียเงินเสียทองไปกว่า 21,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 735,000 บาท โดยเงินที่ลงทุนส่วนใหญ่ก็มาจากการขายรถ และการกู้ยืมจากบัตรเครดิต
คุณเล จุง บอกว่าได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างหุ่นไอโกะจาก “ หุ่นยนต์ C3PO ” ของหนังเรื่อง Star Wars โดยกล่าวว่า “ ไอโกะเป็นสิ่งที่พบกันระหว่างวิทยาศาตร์และความสวยงาม ” นอกจากนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ หนูไอโกะไม่ต้องการวันหยุด อาหาร หรือการพักผ่อน เธอเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ ”หนูไอโกะ มีปฏิกริยาตอบสนองเหมือนกับผู้หญิงทุกประการคะ เช่น ถ้าไปคว้าแขน หรือโอบกอดน้องไอโกะแน่นจนเกินไป เธอก็จะไม่ยอมและพยายามยกมือขึ้นมาตบตี ( ตั้งโปรแกรมให้ตบได้ด้วย ซาดิสรึเปล่าเนี้ยย... ) ยกเว้นประสาทการดมกลิ่นที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาคะ โดยคุณเล จุง กล่าวว่า “ พวกผู้หญิงเวลาเจอเธอก็มักจะพยายามเข้ามาพูดคุยด้วย แต่ผู้ชายนี้ซิ เวลาเจอก็มักจะเข้ามาจับ ซึ่งถ้าจับไม่ถูกวิธีละก็ โดนตบแน่! ”
คุณเล จุง พูดย้ำว่า เขาไม่ได้ประดิษฐ์หนูไอโกะขึ้นมาเพื่อกิจกรรมทางเพศ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่วายที่จะพัฒนาระบบซอฟท์แวร์ของหนูไอโกะให้สามารถรู้สึกเสียวซ่าน เลียนแบบความรู้สึกทางเพศของผู้หญิงได้


วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

คุยกับ iRAP_PRO - มะพร้าวหอม ก่อนชิงชัยแชมป์หุ่นยนต์กู้ภัย


เปิดตัวไปแล้วสำหรับ 8 ทีมเยาวชนที่ฝ่าด่านอรหันต์จากการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยชิงแชมป์ประเทศไทย(Thailand Rescue Robot Championship) ครั้งที่ 5 ซึ่งจะมีการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ และชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี บริษัทเครือซิเมนต์ไทย (SCG) ร่วมกับสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทยเป็นเจ้าภาพ ในปีนี้เป็นที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ เพราะมีทั้งทีมหน้าใหม่และหน้าเก่าที่ผ่านรอบคัดเลือกเข้ามารวมถึงทีมช้างเผือกจากต่างจังหวัดก็สามารถแสดงฝีมือจนสามารถผ่านเข้าเป็นตัวแทนเยาวชนไทยที่จะได้ประลองฝีมือร่วมกับหุ่นยนต์ต่างชาติซึ่งมีรางวัลระดับชาติการันตี
** เข้าใกล้เส้นชัยโลก ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ นายกสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย ให้ข้อมูลเบื้องต้นก่อนการแข่งขันจะมีขึ้น ณ อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ในวันที่ 11-14 ธ.ค. นี้ว่า ในปีนี้นอกจากจะมี 8 ทีมเยาวชนไทยที่เข้าร่วมแข่งขันเพื่อค้นหาตัวแทนทีมไทยไปแข่งขันระดับโลกที่ประเทศออสเตรียในปี 2552 แล้วนั้น ยังมีอีก 6 ทีมจาก 4 ประเทศเข้าร่วมแข่งขันด้วย ประกอบด้วยทีมของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อิหร่าน และมาเลเซีย ความสนใจของทีมต่างชาติที่อยากเข้ามาร่วมแข่งขันนั้น เนื่องจากการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยระดับนานาชาติหลายครั้งที่ผ่านมา เยาวชนไทยสามารถคว้าแชมป์โลกมาได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน “อิหร่านเป็นประเทศที่น่ากลัวในแง่การแข่งขันหุ่นยนต์ หากใครติดตามการแข่งขันประเภทนี้จะรู้ว่าเขามีพัฒนาการของหุ่นยนต์ที่ดีมากเพราะเขาทำมาก่อนเราเป็น 10 ปี ส่วนญี่ปุ่นนั้นไม่ต้องห่วงเพราะเขาถือเป็นต้นแบบของหุ่นยนต์และเป็นผู้คิดค้นพัฒนาการหุ่นยนต์ใหม่ๆ เสมอ สำหรับหุ่นยนต์ของสหรัฐอเมริกาที่จะนำมาแข่งในงานนี้เป็นหุ่นที่ใช้ได้จริง และใช้งานมาแล้วในเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน นับเป็นความน่าตื่นเต้นที่คนไทยจะได้เห็นหุ่นยนต์กู้ภัยใช้งานได้จริง” นายกสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย บอกต่ออีกว่า สนามประลองหุ่นยนต์กู้ภัยอันโอ่โถงในอาคารนิมิตบุตรตลอด 4 วัน ในแต่ละรอบสนามเหตุการณ์เพื่อทดสอบความสามารถหุ่นยนต์หินและยากกว่าปีที่ผ่านๆ มา และไทยก็ล้ำหน้ากติการะดับนานาชาติด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพหุ่นยนต์เพื่อให้สามารถหยิบเครื่องมือยังชีพให้แก่เหยื่อก่อนที่กติกานานาชาติจะกำหนดให้เป็นกติกาการแข่งขันสากลในปีหน้า ทั้งนี้เพื่อเป็นการลับฝีมือเด็กไทยให้เข้าใกล้เส้นชัยระดับโลกเข้าไปอีก “สนามปีนี้โหดขึ้น มีมาตรฐานระดับโลกเนื่องจากมีกรรมการของนานาชาติเข้ามาช่วยในแง่การจัดสนามและเทคโนโลยี และทีมหุ่นยนต์ต่างชาติที่เข้าร่วมแข่งขันก็เป็นการวัดฝีมือเยาวชนทีมไทยด้วยว่าขาดตกบกพร่องอะไร เพื่อที่จะปรับปรุงในการแข่งขันระดับโลก” ผศ.ดร.จักกฤษณ์ แจกแจง


ทิศทางของวิวัฒนาการหุ่นยนต์โลก

มนุษย์สร้างหุ่นยนต์ขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน เพื่อให้ช่วยทำงานเสี่ยงอันตรายในงานอุตสาหกรรม เช่น การเชื่อมโลหะ หุ่นยนต์เหล่านี้มีลักษณะของแขนหรือขากลเคลื่อนไหวด้วยความละเอียดค่อนข้างสูง จึงทำให้ชิ้น งานที่ผลิตได้มีคุณภาพดี หุ่นยนต์ในยุคแรกมีความสามารถในการรับรู้ ความฉลาด และความคล่องแคล่วในระดับ ต่ำ ต้องอาศัยความละเอียดของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และตัวจับยึดชิ้นงาน เพื่อลดความผิดพลาดของการทำงาน หุ่นยนต์ยุคใหม่สามารถปรับการทำงานของตัวเองให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่อยู่ได้อย่าง ทันท่วงที (Real-time) โดยที่มนุษย์เราไม่ต้องคอยตัดสินใจให้ ลักษณะความเป็นอัตโนมัติในตัวเอง


อนาคต : โลกของหุ่นยนต์

หุ่นยนต์คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง ที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ออกแบบมาว่าเพื่อใช้ทำงานอะไร สามารถจับวัตถุสิ่งของที่รายล้อมอยู่รอบข้างได้ ส่วนใหญ่งานที่ใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วย มักเป็นงานที่น่าเบื่อหน่ายรำคาญหรือเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติการได้ เช่น ในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น หุ่นยนต์เป็นสาขาหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) อันเป็นวิวัฒนาการที่จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เลียนแบบความสามารถ และความฉลาดของมนุษย์ เช่น คิดคำนวณได้, เดินได้, มองเห็นได้, รับรู้ความรู้สึกได้, จับวัตถุสิ่งของได้ เป็นต้น ซึ่งปัญญาประดิษฐ์มีอยู่ด้วยกัน 5 สาขาคือ (1). ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems), (2). ภาษาธรรมชาติ (Natural Language), (3). การจดจำรูปแบบ (Pattern Recognition), (4). การมองเห็น (Vision Systems) และ (5). หุ่นยนต์ (Robotics) สำหรับประเภทของหุ่นยนต์แบ่งออกได้เป็น 6 ประเภทหลักๆ ได้แก่ (1). หุ่นยนต์ส่วนบุคคล (Personal Robotics) ได้แก่ หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือคนพิการหรือเป็นอัมพาต ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่โต้ตอบรับคำสั่งจำนวนมากๆ ได้ สามารถทำงานได้จริง เช่น สั่งให้เปิดประตูได้, สั่งให้ไปรับจดหมายได้, และสั่งให้ไปเอาน้ำซุปมาทานได้ อย่างกรณีของหุ่นยนต์ของบริษัท Hitachi ที่ออกแบบมาเพื่อใช้จับไข่ ซึ่งเป็นวัตถุที่เปราะบาง และยังมีหุ่นยนต์ประเภทสัตว์เลี้ยง หรือหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นมาสำหรับเป็นเพื่อนกับมนุษย์ เช่น หุ่นยนต์สุนัขไอโบ้ (IBO), (2). หุ่นยนต์บริการ (Service Robotics) ปัจจุบันหุ่นยนต์ประเภทนี้เริ่มมีมากขึ้น เช่น หุ่นยนต์เติมน้ำมันรถยนต์, หุ่นยนต์บริการตามร้านอาหาร, หุ่นยนต์ช่วยงานกลางคืนในโรงพยาบาล เช่น ในโรงพยาบาล Baltimore’s Franklin Square Hospital จะมีหุ่นยนต์ทำหน้าที่รับยา, ให้อาหารกลางคืนแก่คนไข้, บันทึกการรักษาของแพทย์, และจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงพยาบาล (3). หุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial Automation) เป็นหุ่นยนต์ที่พบเห็นมากที่สุดกว่าด้านอื่นๆ เช่น ใช้พ่นสีรถยนต์ เชื่อมต่อตัวถังรถยนต์ เป็นต้น จากการสำรวจเฉพาะในอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ มีหุ่นยนต์ประเภทนี้กว่า 27,000 ตัว และที่มีการติดตั้งใช้งานอยู่ทั่วโลกประมาณ 180,000 ตัว (4). หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยและต่อต้าน (Security & Defense Robotics) ส่วนใหญ่เป็นหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานด้านการทหาร เช่น หุ่นยนต์สำรวจพื้นที่ในสนามรบ ก่อนที่กำลังทหารจะเข้าไป, หุ่นยนต์กู้ระเบิด, หุ่นยนต์ทำความสะอาดกากนิวเคลียร์ (5). หุ่นยนต์ด้านวิชาการและวิจัย (Academics & Research Robotics) ได้แก่ หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่องานวิจัยทางวิชาการ เช่น หุ่นยนต์ช่วยเด็กหัดขับรถยนต์, หุ่นยนต์แคปซูลที่เข้าไปสำรวจอาการของคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคชนิดต่างๆ, และ (6). หุ่นยนต์ใช้ออกแบบและพัฒนา (Design & Development Robotics) ได้แก่ หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ควบคุมการเคลื่อนไหวในการทำงาน (Motion Controller) สนับสนุนการเคลื่อนไหวของงานที่มีความละเอียดสูงและความเร็วสูง เช่น สนับสนุนความละเอียดการทำงานในระดับย่อยของนาโนเมตร (Supports Sub-Nanometer Resolution) (http://www.roboticstrends.com) วิวัฒนาการของหุ่นยนต์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1961 เป็นหุ่นยนต์ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมของ GM (General Motor) โดยการจับเอาประตูแม่แบบติดตั้งหรือฝังลงไปบนรถแข่ง Ewing (Ewing เป็นชื่อของชาวอเมริกันผู้สร้างรถแข่ง) รวมทั้งการประกอบชิ้นส่วนของรถยนต์ด้วย หุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมมีมากกว่าด้านอื่นๆ ปัจจุบันสามารถทำงานได้สารพัดรูปแบบไม่ว่าจะเป็นพ่นสีรถยนต์ เชื่อมต่อตัวถัง จากการการสำรวจของสหรัฐอเมริกาทำให้ทราบว่า ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา หุ่นยนต์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างดีทีเดียว ในปี ค.ศ.1985 พบว่ามีหุ่นยนต์ทั้งหมด 1,5000 ตัว และอีก 10 ปีต่อมา เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 50,000 ตัว สำหรับในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่นับว่ามีการใช้และสร้างหุ่นยนต์มากที่สุด เรียกกันว่า “เกิดในอเมริกา แต่มาเจริญเติบโตที่ญี่ปุ่น” เฉพาะหุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นมีประมาณ 923,000 ตัว มากถึง 4 ใน 10 ของหุ่นยนต์ที่มีอยู่ในญี่ปุ่นทั้งหมด ตอนนี้ ญี่ปุ่นเริ่มหันมาสนใจ สร้างและผลิตหุ่นยนต์บริการ (Service Robotics) จากการจัดแสดงนิทรรศการ International Robot Exhibition in November, 2007 ที่โตเกียว ซึ่งมีหลายบริษัททั่วโลกนำหุ่นยนต์มาแสดงคาดกันว่า มีหุ่นยนต์บริการประมาณ 31,600 ตัว และในอนาคตอันใกล้จะมีงานใหญ่เกี่ยวกับหุ่นยนต์อีกงานหนึ่งเรียกว่า ROBO Business Conference & EXPO 2008, April 8-10, 2008 at David Lawrence Convention Center, Pittsburgh, PA. หากมองตามสถานการณ์นี้ จะเห็นว่า อนาคตเป็นโลกของหุ่นยนต์จริงๆ ซึ่งหุ่นยนต์จะไม่ใช่เพียงแต่เป็นเพื่อนมนุษย์เท่านั้น เคยมีข่าวออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่า มนุษย์จะเลือกเอาหุ่นยนต์มาเป็นคู่ครองอีกด้วย ซึ่งมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ที่มีทัศนคติเช่นนั้น เพราะนอกจากหุ่นยนต์จะเป็นเพื่อนที่แสนดี ซื่อสัตย์แล้ว ยังไม่ขี้บ่นจู้จี้จุกจิก และขี้เมาอีกด้วย ถ้าใครเคยชมภาพยนตร์เรื่อง “สมองกลอัจฉริยะ” หรือ AI มาแล้ว คงไม่เกินเลยความเป็นจริงที่ว่า หุ่นยนต์จะมีจำนวนมากมายมหาศาล จากการที่หลายประเทศกำลังแข่งกันผลิตอยู่ตอนนี้ จนทำให้เกิดปัญหาขยะหุ่นยนต์ล้นเมือง ต้องหาวิธีการกำจัดและทำลายทิ้งด้วยสารพัดวิธี


อ้างอิงจาก http://commart.tv/businessnews.php?id=413642

หุ่นยนต์เด็ก

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2550 ที่ผ่านมานี้ คณะนักวิจัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยโอซาก้า ได้นำหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นมาให้มีลักษณะและท่าทางเหมือนเด็กเล็กๆ ออกมาแสดงให้กับคนทั่วไปได้ชม โดยทีมวิจัยดังกล่าวหวังว่า หุ่นยนต์นี้จะสามารถช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงพัฒนาการต่างๆ ของเด็กได้ง่ายขึ้นทีมนักวิจัยได้ตั้งชื่อให้หุ่นยนต์นี้ว่า “CB2” (ซี บี สแควร์) หรือมีชื่อเต็มๆ ว่า “Child-robot with Biomimetic Body” โดยในช่วงแรกนี้ได้ถูกตั้งโปรแกรมให้มีกริยาท่าทางเหมือนเด็กที่อยู่ในช่วงอายุประมาณ 1-2 ปี ที่กำลังอยู่ในวัยเริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆ ชอบจ้องดูและให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่รอบตัว นอกจากนี้ยังชอบแสดงกริยาต่างๆ ที่เด็กชอบทำ เช่น ลงไปนอนกลิ้งบนพื้นห้อง เป็นต้น ซึ่งนับเป็นเสน่ห์ของเด็กๆ ที่ช่วยสร้างความสดใสให้กับผู้ที่อยู่โดยรอบหุ่นยนต์ CB2 นี้ มีความสูง 130 เซนติเมตร หนัก 33 กิโลกรัม ประกอบไปด้วยกระบอกสูบจำนวน 56 อัน ทำหน้าที่เหมือนกับกล้ามเนื้อของมนุษย์ มีกล้องวีดีโออยู่ที่ ตาทั้งสองข้าง และหูทั้งสองข้างประกอบด้วยไมโครโฟนซึ่งใช้ในการรับฟังเสียงต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์รับสัมผัสจำนวน 197 ชิ้น ฝังอยู่ทั่วร่างกาย ภายใต้ผิวหนังที่ทำมาจากซิลิโคนซึ่งมีลักษณะอ่อนนุ่มเหมือนกับผิวหนังจริงๆ ของมนุษย์ CB2ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีตเพื่อให้สามารถรองรับสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์ต่างๆ ที่เหมือนจริงได้ ตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนมาจับที่ไหล่ของ CB2 มันจะกระพริบตาแสดงความประหลาดใจ จะหยุดเคลื่อนไหวและหันไปมองคนที่มาสัมผัสมันทันที นอกจากนี้ถ้ามีของเล่นมาล่ออยู่ตรงหน้า มันจะพยายามเอื้อมมือไปเอาของเล่นนั้นๆ อย่างสุดความสามารถหุ่นยนต์ CB2 สามารถพูดโต้ตอบกับมนุษย์ได้ โดยใช้เสียงสังเคราะห์ที่เหมือนกับเสียงพูดของเด็กเล็กๆ ซึ่งนักวิจัยกล่าวว่า ถ้าบรรจุซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้มันสามารถเรียนรู้ สิ่งใหม่ๆ ลงไปใน CB2 เพิ่มเติม ก็จะทำให้สามารถสอนให้มันเดินและพูดได้ดีมากขึ้น เหมือนกับพัฒนาการของเด็กที่เติบโตขึ้นในแต่ละปี และในอีก 4 ปีข้างหน้านี้ นักวิจัยจากสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของญี่ปุ่น (Japan Science and Technology Agency: JST) ซึ่งทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยโอซาก้าในการพัฒนา CB2 นี้ จะทำการพัฒนาหุ่นยนต์เวอร์ชั่นใหม่ที่มีความสามารถมากขึ้นในเรื่องของ คำศัพท์ต่างๆ รวมทั้งมีความสามารถในการเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ เท่ากับเด็กอายุ 3 ปี ซึ่งหุ่นยนต์ลักษณะนี้จะช่วยให้นักวิจัยสามารถพัฒนาการสื่อสารระหว่างหุ่นยนต์กับมนุษย์ได้ดีขึ้น และยังช่วยให้นักวิจัยสามารถพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับสร้างความบันเทิงให้แก่มนุษย์ได้ดีมากขึ้น


Robot Evolution - หุ่นยนต์วิวัฒน์

สัปดาห์ที่ผ่านมาผมค่อนข้างยุ่งมากเลยครับ เพราะช่วงนี้เป็นฤดูกาลเขียนขอทุนวิจัย ซึ่งพวกเราจำเป็นจะต้องเขียน proposal เข้าไปแข่งขัน เพื่อนำทุนวิจัยมาทำงานและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกิดประโยชน์ นอกจากนั้นยังมีงานต้องเขียนบทความวิจัย หรือที่ภาษานักวิชาการเขาเรียกกันว่า paper ซึ่งบทความวิจัยเหล่านี้ต้องส่งไปตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติครับ เป็นการรวบรวมผลงาน ความคิด การทดลองต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบตามหลักวิทยาศาสตร์ การส่งไปตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติมีข้อดีที่ว่า (1) จะมีกรรมการอ่านจากหลายประเทศ เขาจะวิจารณ์และตรวจสอบว่างานของเราได้เรื่องหรือไม่ (2) งานที่ถูกตีพิมพ์จะมีคนเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ทั้งโลก (3) งานที่ทำจะได้เป็นงานที่ไม่เก่ากึ๊ก ทำซ้ำไปซ้ำมา เพราะมีคนตรวจสอบเรา ซึ่งไม่มีเส้นมีสาย ตรงไปตรงมา
อย่างที่ผมมักเคยบอกกล่าวตลอดมาล่ะครับว่า ศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษแห่งชีววิทยา เจ้าของบริษัท Google ก็มีภรรยาเป็นนักชีววิทยาครับ ทำให้ตอนนี้ Google เข้ามามีบทบาทในวงการธุรกิจการแพทย์และสุขภาพแล้ว วันนี้ผมจะมาเล่าเกี่ยวประเด็นที่วงการหุ่นยนต์กำลังให้ความสนใจ นั่นก็คือ การมีวิวัฒนาการของหุ่นยนต์ เฉกเช่น วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ณ ห้องปฏิบัติการระบบอัจฉริยะ (
Laboratory of Intelligent Systems) สังกัด Swiss Federal Institute of Technology เขามีการศึกษาความสามารถในการวิวัฒน์ของหุ่นยนต์ ด้วยการนำฝูงหุ่นยนต์ ที่เรามักรู้จักกันได้นาม Robot Swarm มาศึกษาพฤติกรรม โดยหุ่นยนต์แต่ละตัวจะติดตั้ง LED และตัวตรวจจับแสง จากนั้นก็ปล่อยหุ่นยนต์วิ่งไปวิ่งมาตามสบาย โดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานเหมือนระบบประสาท (Neural Networks) ทางคณะวิจัยจะฉายแสงลงไปบนพื้น โดยแบ่งออกเป็นพื้นที่ส่วนที่เรียกว่า Food Zone คือหากหุ่นยนต์วิ่งมาในพื้นที่นี้ มันจะได้รับการชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มพลัง แต่ถ้าหากมันหลงวิ่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็น Poison Zone มันจะถูกดูดแบตเตอรี่ออกไป ทำให้ชีวิตมันสั้นลงไปเรื่อยๆ
หลังจากปล่อยให้หุ่นยนต์วิ่งไปวิ่งมา ก็จะเหลือหุ่นยนต์ที่รอดเหลือพลังงาน โดยที่ส่วนหนึ่งจะพลังงานหมด ตัวที่รอดจะถูกเลือกใช้เป็นโปรแกรมของหุ่นยนต์รุ่นต่อไป หลังจากมีการจำลองให้มีวงจรการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นรุ่นๆ ไปสัก 50 รุ่น นักวิจัยพบว่าหุ่นยนต์ได้มีการเรียนรู้ เกิดเป็นสังคมที่มีการช่วยเหลือกัน เพื่อที่จะหาอาหาร และ หลีกเลี่ยงอันตราย ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือ หุ่นยนต์บางตัวมีลักษณะฮีโร่ คือ ยอมเข้าไปในเขตอันตราย เพื่อกระพริบไฟเตือนตัวอื่นๆ ไม่ให้วิ่งเข้ามา แต่ที่น่าตื่นเต้นก็คือ มีหุ่นยนต์บางตัวแสดงบทบาทเป็นตัวร้าย ด้วยการกระพริบไฟหลอกให้ตัวอื่นๆ วิ่งเข้ามาในเขตอันตราย โดยหลอกว่าเป็นเขตอาหาร เมื่อตัวอื่นวิ่งเข้ามาเดี้ยงแล้ว มันก็รีบวิ่งหนีไปกินอาหารทันที !!!

อ้างอิงจาก http://rss.itmylike.com/content-1706.html



นักวิจัยไทยโชว์'หุ่นยนต์ปลา'ว่ายน้ำได้

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 ก.พ.ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดแถลงข่าวการจัดงาน “เปิดโลกมหัศจรรย์แห่งวิวัฒนาการ ณ บ้านวิทยาศาสตร์ สิรินธร” เนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปีเกิดของ ชาลส์ ดาร์วิน นักธรรมศาสตร์วิทยา เจ้าของ “ทฤษฎีวิวัฒนาการ” ภายในงานสาธิตการว่ายน้ำของหุ่นยนต์ปลา ฝีมือนักวิจัยไทยที่เรียกความสนใจจากสื่อมวลชนได้เป็นจำนวนมาก ด้าน ผศ.ดร.สโรช ไทรเมฆ จากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่า ปัจจุบันทีมงานได้พัฒนาหุ่นยนต์ปลา ขึ้นเป็นรุ่นที่ 3 สามารถเลี้ยวและว่ายน้ำ ได้ด้วยความเร็ว 30 ซม.ต่อวินาที โดยหุ่นยนต์ปลาที่พัฒนาขึ้นเป็นการเลียนแบบปลาทูน่า ทำขึ้นเพื่อศึกษาพฤติกรรมการว่ายน้ำอย่างรวดเร็วของ ปลา ทั้งเรื่องลักษณะของหางและแรงเสียดทาน ระหว่างตัวปลากับน้ำ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้งานกับการออกแบบทางวิศวกรรมต่าง ๆ เช่น ทำให้เรือสามารถแล่นได้เร็วขึ้น ช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงการสร้างเรือที่สามารถเคลื่อนที่ได้เหมือนปลาในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกามีการสร้างหุ่นยนต์ปลาเพื่อใช้สำหรับเป็นหุ่นยนต์ สอดแนมทางการทหารอีกด้วย ส่วนในประเทศไทยอยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลที่ได้จากการวิจัย เพื่อสร้างหุ่นยนต์ปลาที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถติดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยตั้งเป้าให้สามารถว่ายน้ำได้เร็วขึ้น ถึงระดับ 1 เมตรต่อวินาที ขณะที่ปลาจริง ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 20 เมตรต่อวินาที นอกจากนี้ในงานแถลงข่าวยังโชว์ไฮไลต์ของการจัดงาน “เปิดโลกมหัศจรรย์แห่งวิวัฒนาการ ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร” อาทิ การค้นพบ “หอยมรกต” ซึ่งได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พบได้แห่งเดียวในประเทศไทยคือที่เกาะตาชัย จ.พังงา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของหอยทากบกที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมจนเกิดเป็นสปีชีส์ย่อยและจะกลายเป็นสปีชีส์ใหม่ที่สมบูรณ์แบบในอนาคต การแสดงตัวอย่างไซยาโนแบคทีเรีย สิ่งมีชีวิตชนิดแรกที่ถือกำเนิดขึ้นบนโลก และนิทรรศการพืชกินแมลงต่าง ๆ ในประเทศไทยรวมถึงกิจกรรมค่ายการแข่งขันประดิษฐ์หุ่นยนต์ปลาจากเยาวชน ผู้สนใจเข้าร่วมชมงานนิทรรศการดังกล่าวซึ่งเป็นนิทรรศการถาวร ได้ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.52 ที่บ้านวิทยาศาสตร์ สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยรังสิต.


อนาคต(อันใกล้) : โลกของหุ่นยนต์

ใน โลกมนุษย์ ที่เราอาศัยอยู่นี้ นอกเหนือจากจะมีมนุษย์อาศัยอยู่เป็นจำนวน 6,000 ล้านกว่าคนแล้ว ยังมีพืช และสัตว์โลกชนิดอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากมายมหาศาล พ่วงด้วยสิ่งประดิษฐ์อีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า หุ่นยนต์ (Robot หรือ Robotics) ซึ่งกำลังทวีจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับ หุ่นยนต์ คืออะไร ?หุ่นยนต์คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชนิดหนึ่ง ที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ออกแบบมาว่าเพื่อใช้ทำงาน อะไร สามารถจับวัตถุสิ่งของที่รายล้อมอยู่รอบข้างได้ ส่วนใหญ่งานที่ใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วย มักเป็นงานที่น่าเบื่อหน่ายรำคาญหรือเป็นงานที่เสี่ย งอันตราย ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติการได้ เช่น ในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้นหุ่น ยนต์เป็นสาขาหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) อันเป็นวิวัฒนาการที่จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เลียน แบบความสามารถ และความฉลาดของมนุษย์ เช่น คิดคำนวณได้, เดินได้, มองเห็นได้, รับรู้ความรู้สึกได้, จับวัตถุสิ่งของได้ เป็นต้น ซึ่งปัญญาประดิษฐ์มีอยู่ด้วยกัน 5 สาขาคือ (1). ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems), (2). ภาษาธรรมชาติ (Natural Language), (3). การจดจำรูปแบบ (Pattern Recognition), (4). การมองเห็น (Vision Systems) และ (5). หุ่นยนต์ (Robotics)http://image.ohozaa.com/tu/robotfuture.jpg (http://image.ohozaa.com/show.php?id=e66ff462fc3fc12b21dee337c38d8c7d)สำหรับ ประเภทของหุ่นยนต์แบ่งออกได้เป็น 6 ประเภทหลักๆ ได้แก่ (1). หุ่นยนต์ส่วนบุคคล (Personal Robotics) ได้แก่ หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือคนพิการหรือเป็นอั มพาต ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่โต้ตอบรับคำสั่งจำนวนมากๆ ได้ สามารถทำงานได้จริง เช่น สั่งให้เปิดประตูได้, สั่งให้ไปรับจดหมายได้, และสั่งให้ไปเอาน้ำซุปมาทานได้ อย่างกรณีของหุ่นยนต์ของบริษัท Hitachi ที่ออกแบบมาเพื่อใช้จับไข่ ซึ่งเป็นวัตถุที่เปราะบาง และยังมีหุ่นยนต์ประเภทสัตว์เลี้ยง หรือหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นมาสำหรับเป็นเพื่อนกับมนุษย ์ เช่น หุ่นยนต์สุนัขไอโบ้ (IBO),(2). หุ่นยนต์บริการ (Service Robotics) ปัจจุบันหุ่นยนต์ประเภทนี้เริ่มมีมากขึ้น เช่น หุ่นยนต์เติมน้ำมันรถยนต์, หุ่นยนต์บริการตามร้านอาหาร, หุ่นยนต์ช่วยงานกลางคืนในโรงพยาบาล เช่น ในโรงพยาบาล Baltimore’s Franklin Square Hospital จะมีหุ่นยนต์ทำหน้าที่รับยา, ให้อาหารกลางคืนแก่คนไข้, บันทึกการรักษาของแพทย์, และจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงพยาบาล(3). หุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial Automation) เป็นหุ่นยนต์ที่พบเห็นมากที่สุดกว่าด้านอื่นๆ เช่น ใช้พ่นสีรถยนต์ เชื่อมต่อตัวถังรถยนต์ เป็นต้น จากการสำรวจเฉพาะในอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ มีหุ่นยนต์ประเภทนี้กว่า 27,000 ตัว และที่มีการติดตั้งใช้งานอยู่ทั่วโลกประมาณ 180,000 ตัว(4). หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยและต่อต้าน (Security & Defense Robotics) ส่วนใหญ่เป็นหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานด้านการท หาร เช่น หุ่นยนต์สำรวจพื้นที่ในสนามรบ ก่อนที่กำลังทหารจะเข้าไป, หุ่นยนต์กู้ระเบิด, หุ่นยนต์ทำความสะอาดกากนิวเคลียร์ (5). หุ่นยนต์ด้านวิชาการและวิจัย (Academics & Research Robotics) ได้แก่ หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่องานวิจัยทางวิชาการ เช่น หุ่นยนต์ช่วยเด็กหัดขับรถยนต์, หุ่นยนต์แคปซูลที่เข้าไปสำรวจอาการของคนไข้ที่ป่วยเป ็นโรคชนิดต่างๆ, และ (6). หุ่นยนต์ใช้ออกแบบและพัฒนา (Design & Development Robotics) ได้แก่ หุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ควบคุมการเคลื่อนไหวในกา รทำงาน (Motion Controller) สนับสนุนการเคลื่อนไหวของงานที่มีความละเอียดสูงและค วามเร็วสูง เช่น สนับสนุนความละเอียดการทำงานในระดับย่อยของนาโนเมตร (Supports Sub-Nanometer Resolution) (http://www.roboticstrends.com)วิวัฒนาการ ของหุ่นยนต์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1961 เป็นหุ่นยนต์ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมของ GM (General Motor) โดยการจับเอาประตูแม่แบบติดตั้งหรือฝังลงไปบนรถแข่ง Ewing (Ewing เป็นชื่อของชาวอเมริกันผู้สร้างรถแข่ง) รวมทั้งการประกอบชิ้นส่วนของรถยนต์ด้วย หุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมมีมากกว่าด้านอื่นๆ ปัจจุบันสามารถทำงานได้สารพัดรูปแบบไม่ว่าจะเป็นพ่นส ีรถยนต์ เชื่อมต่อตัวถังจากการการสำรวจของสหรัฐอเมริกาทำให้ทราบว่า ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา หุ่นยนต์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างดีทีเดียว ในปี ค.ศ.1985 พบว่ามีหุ่นยนต์ทั้งหมด 1,5000 ตัว และอีก 10 ปีต่อมา เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 50,000 ตัว สำหรับในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่นับว่ามีการใช้และสร้างหุ่นยนต์มาก ที่สุด เรียกกันว่า “เกิดในอเมริกา แต่มาเจริญเติบโตที่ญี่ปุ่น” เฉพาะหุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นมีประมาณ 923,000 ตัว มากถึง 4 ใน 10 ของหุ่นยนต์ที่มีอยู่ในญี่ปุ่นทั้งหมด ตอนนี้ ญี่ปุ่นเริ่มหันมาสนใจ สร้างและผลิตหุ่นยนต์บริการ (Service Robotics) จากการจัดแสดงนิทรรศการ International Robot Exhibition in November, 2007 ที่โตเกียว ซึ่งมีหลายบริษัททั่วโลกนำหุ่นยนต์มาแสดงคาดกันว่า มีหุ่นยนต์บริการประมาณ 31,600 ตัว และในอนาคตอันใกล้จะมีงานใหญ่เกี่ยวกับหุ่นยนต์อีกงา นหนึ่งเรียกว่า ROBO Business Conference & EXPO 2008, April 8-10, 2008 at David Lawrence Convention Center, Pittsburgh, PA.หากมองตามสถานการณ์ นี้ จะเห็นว่า อนาคตเป็นโลกของหุ่นยนต์จริงๆ ซึ่งหุ่นยนต์จะไม่ใช่เพียงแต่เป็นเพื่อนมนุษย์เท่านั ้น เคยมีข่าวออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่า มนุษย์จะเลือกเอาหุ่นยนต์มาเป็นคู่ครองอีกด้วย ซึ่งมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ที่มีทัศนคติเช่นนั้น เพราะนอกจากหุ่นยนต์จะเป็นเพื่อนที่แสนดี ซื่อสัตย์แล้ว ยังไม่ขี้บ่นจู้จี้จุกจิก และขี้เมาอีกด้วย ถ้าใครเคยชมภาพยนตร์เรื่อง “สมองกลอัจฉริยะ” หรือ AI มาแล้ว คงไม่เกินเลยความเป็นจริงที่ว่า หุ่นยนต์จะมีจำนวนมากมายมหาศาล จากการที่หลายประเทศกำลังแข่งกันผลิตอยู่ตอนนี้ จนทำให้เกิดปัญหาขยะหุ่นยนต์ล้นเมือง ต้องหาวิธีการกำจัดและทำลายทิ้งด้วยสารพัดวิธี.


ฝันของหุ่นยนต์ สัญชาติไทย

วันนี้เรามีหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ ( humanoid) อย่าง "อาซิโม" มาเดินเล่น เต้นรำ หรือแม้กระทั่งจับมือกับมนุษย์ได้ บริษัทใหญ่ระดับโลกอย่าง siemens ก็ได้ผลิตหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้าน วางจำหน่ายตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ยังไม่นับหุ่นยนต์หมา หุ่นยนต์แมว ซึ่งมีปฎิกิริยาตอบสนองใกล้เคียงกับสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิต และกลายเป็นของเล่นยอดฮิตของคนมีเงินทั่วโลก ทั้งหมดนี้เป็นผลเนื่องมาจากวิวัฒนาการของการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี และในปัจจุบันประเทศไทยของเราเองก็กำลังพัฒนาและคิดประดิษฐ์ คิดค้นสินค้าเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมา โดยเฉพาะขณะนี้ในส่วนของเรื่องหุ่นยนต์ของไทยเองก็เป็นเรื่องที่น่าจับตามองเช่นกันหุ่นยนต์กับคนไทยแม้ว่าวิทยาการด้านหุ่นยนต์ ( Robotics) ของไทย อาจจะยังไม่อาจเทียบได้กับผู้นำเทคโนโลยีอย่างญี่ปุ่นแต่ เชื่อหรือไม่ว่า เรามีหน่วยงานที่ทำวิจัยและสามารถผลิตหุ่นยนต์ เพื่อการใช้งานในประเทศได้เอง มานานหลายปีแล้ว เพียงแต่อยู่ในรูปของหุ่นยนต์ในงานอุตสาหกรรมมากกว่ารูปแบบอื่น ซึ่งในขณะนี้หน่วยงานดังกล่าวก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านหุ่นยนต์ โดยมีเป้าหมายคือ ต้องสามารถใช้งานได้จริงโดยไม่ต้องไปพึ่งสินค้าราคาแพงของต่างประเทศ"ฟีโบ้" (FIBO) หรือสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม ( A Cradle of Future Leaders in Robotics ) จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 7 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการศึกษาระดับสูง และการวิจัยทางด้านระบบอัตโนมัติ รวมถึงหุ่นยนต์อุตสาหกรรม และรวมถึงการให้บริการที่ปรึกษากับอุตสาหกรรมต่างๆในประเทศ เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยพระเจ้าเกล้าธนบุรี บางมดนอกจากการทำงานวิจัย และให้บริการทางวิชาการแล้ว ฟีโบ้ยังได้จัดกิจกรรม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ทางด้านวิทยาการหุ่นยนต์อีกหลายอย่าง เช่นการแข่งขันหุ่นยนต์ FRIT การแข่งขันหุ่นยนต์ FORD การแข่งขันพัฒนาโปรแกรมสำหรับหุ่นยนต์ Partner Robot Contest ฯลฯสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ ได้เปิดให้การศึกษาในระดับมหาบัณฑิต หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต 2 สาขา คือ สาขาวิทยาการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Graduate Program in Robotics and Automation ) จะเน้นทางด้านวิทยาศาสตร์ และวิศกรรมอย่างเข้มข้น เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้าง " หุ่นยนต์ " หรือเทคโนโลยีใหม่ได้ และสาขาการพัฒนาความสามารถทางการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรม (Graduate Program in Development of Industrial Competitiveness ) จะเน้นเกี่ยวกับการจัดการทางด้านเทคโนโลยี ทำอย่างไรจึงจะนำเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ส่วนผู้เรียนนั้นจะต้องมีพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ หรือ วิทยาศาสตร์ หรือ เทียบเท่า ต้องมีความสนใจ มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง เนื่องจากโรโบติกส์เป็นศาสตร์ที่ค่อนข้างจะหลากหลายพอสมควร การใช้ความรู้หลายๆด้านมาประยุกต์เข้าด้วยกันเป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาวิทยาการด้านหุ่นยนต์ ให้แตกแขนงออกไปได้อีกมากมายสร้างหุ่นยนต์ทำไมการสร้างหุ่นยนต์ คนส่วนใหญ่มักจะถามว่า สร้างขึ้นแล้วจะเอาไปทำอะไร หือมองว่าจะเอาไปใช้งานได้จริงๆ เท่านั้นจึงจะได้เงิน แต่ในแง่ของการวิจัยแล้ว จะทำให้เกิดองค์ความรู้ เพื่อจะนำไปประยุกต์ใช้ในระบบอื่นๆ ต่อไปได้ เช่น หุ่นยนต์ปลาที่สร้างขึ้นมาเพื่อศึกษาความเคลื่อนที่ของปลา และอาจจะนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาสร้างพาหนะที่ใช้ใต้น้ำได้ต่อไปการสนับสนุนของภาครัฐและเอกชนการประดิษฐ์หุ่นยนต์ จำเป็นต้องได้รับเงินสนับสนุนซึ่งจากภาคเอกชนมักจะให้ทุนวิจัยเป็นชิ้นๆ เช่น การออกแบบระบบเชื่อมอัตโนมัติอย่างไร หรือจะสร้างหุ่นยนต์ในโรงงานอย่างไรส่วนทางภาครัฐนั้น จะขอทุนจากหน่วยงาน เช่น NECTEC MTEC หรือทุนจากทางมหาวิทยาลัย แต่ก็จำเป็นจะต้องได้รับการสนับสนุนที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผ่านมามีแนวโน้มที่ดีจากความสนใจ และความร่วมมือจากหลายมหาวิทยาลัย หลายหน่วยงาน รวมทั้งขณะนี้ ก็ได้มี " สมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย " ขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบอัตโนมัติ หรือหุ่นยนต์นั้นเริ่มมีความจำเป็นมากขึ้นในสังคมเรา
ความฝันของหุ่นยนต์สัญชาติ "ไทย"หลายปีที่ผ่านมา " การแข่งขันหุ่นยนต์ " มักจะเป็นข่าวที่ได้รับรู้กันในวงกว้างอยู่เสมอ อันเป็นก้าวหนึ่ง ที่ทำให้เกิดการตื่นตัวในการสนใจต่อการพัฒนาวิทยาการหุ่นยนต์ในระดับต่างๆของสังคม แม้ว่าความสามารถของเราจะยังไม่อาจเทียบได้กับต่างประเทศ ทว่าสิ่งเหล่านั้น ก็ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการไปตามลำดับขั้นปัจจัยสำคัญอัน ได้แก่ ความเร็วของเทคโนโลยีสารสนเทศ มีส่วนสำคัญที่ทำให้องค์ความรู้ทางด้านนี้ ก้าวไปได้เร็วและไกล เพียงแต่สังคมไทยในวงกว้าง อาจจะไม่ได้รับรู้มากนักในขณะนี้ได้มีสามาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทยเป็นศูนย์รวมนักวิจัยจากหลายสถาบัน รวมทั้งในอนาคตอันใกล้ ยังคงมีแผนที่จะสร้างโครงการร่วมกัน หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนน่าจะหันมามองระบบหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติมากขึ้น ส่วนปัญหาของการสร้างหุ่นยนต์ของไทยคือการ "ขาดความเชื่อมั่น" ต่อฝีมือคนไทยด้วยกันเองหากย้อนมองไปถึงวัยเด็ก ภาพของหุ่นยนต์ผู้พิทักษ์โลก หรือหุ่นยนต์ที่เป็นมิตรคอยช่วยเหลือมนุษย์ น่าจะยังไม่จางไปจากความทรงจำของเรา หลายคนอาจเคยฝันว่าจะเป็นนักสร้างหุ่นยนต์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ และนักประดิษฐ์ทีสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อโลกและมวลมนุษย์ แต่จะมีสักกี่คน ที่ยังคงมุ่งมั่นทำตามความฝันของตัวเอง และจะมีสักกี่คนที่เข้าใจในความฝันที่คนทั่วไปมองว่าเพ้อเจ้อและไกลเกินจริงนี้ หากยังมีคนที่มุ่งมั่นที่จะสร้าง หากยังมีคนที่เห็นความสำคัญ และให้การสนับสนุน "หุ่นยนต์ไทยแท้ 100%" จะไม่เป็นสิ่งที่ไกลเกินฝันอีกต่อไป


จูบแรก"ของหุ่นยนต์นักแสดงละคอนเวที

เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวเช้านี้ ขอเริ่มต้นด้วยความน่ารัก? ของ โธมัส (Thomas) และเจเน็ต (Janet) สองหุ่นยนต์คู่พระนางในละคอนเวทีที่สามารถแสดงบทรักด้วยการจูบเสียงดังจ๊วบจ๊าบมาตั้งแต่ธันวาคมปี 2008 แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการสร้างคู่รักฮิวแมนอยด์ที่จูบกันได้
IEEE นิตยสารงานที่เผยแพร่ผลงานวิจัยระดับโลก ผู้สนับสนุนงานประชุมService and Interactive Robotics Conferences 2009 หรือ SIRCon 2009 ว่าด้วยเรื่องของพัฒนาการของหุ่นยนต์ที่สามารถโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ และการให้บริการมนุษย์ โดยในการประชุมครั้งนี้ คู่รักนักแสดงละคอนเวทีที่เป็นหุ่นยนต์ชื่อว่า Thomas และ Janet ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมพอสมควร ซึ่งนักพัฒนาหุ่นยนต์ทั้งสองที่ได้เข้าร่วมประชุมในงานนี้กล่าวว่า ทั้งสองเป็นฮิวแมนอยด์ที่จูบกันได้คู่แรกของโลก

จูบแรกของหุ่นยนต์คู่นี้เริ่มแสดงให้ชมตั้งแต่ 27 ธันวาคม ปี 2008 โดยจะเป็นหนึ่งในการแสดงความสามารถของหุ่นยนต์ในฉากต่างๆ จากละคอนเวทีเรื่อง Phantom of the Opera ที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีนานาชาติของไต้หวัน (Taiwan Tech) ซึ่งคู่รักหุ่นยนต์ถูกสร้างขึ้นโดย Chyi-Yen Lin ศาสตราจารย์ทางด้านวิศวกรรมเครื่องกล และลูกทีม โดยหุ่นยนต์ที่ชื่อ Thomas แสดงเป็น Phantom ส่วนทางด้าน Janet เป็น Chirstine นางเอกตามท้องเรื่อง


The Rise of Machines - เมื่อยุคของหุ่นยนต์มาถึงแล้ว

หายไปหลายวันเลยครับ เพราะมีงานต้องเคลียร์ก่อนขึ้นปีใหม่ครับ วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า เพื่อต้อนรับปีใหม่ ผมเลยต้องขอเขียนเรื่องนี้ส่งท้ายหน่อยครับ เป็นข้อสังเกตกันว่ายุคของจักรกลฉลาดกำลังจะมาถึงแล้ว เพราะตลอดปี 2009 ที่ผ่านมาได้มีความก้าวหน้าเกิดขึ้นอย่างขนานใหญ่ทั่วโลก ซึ่งหากจะเขียนถึงเรื่องนี้อย่างเคลียร์ ๆ ต้องยาวแน่ครับ ผมขอสรุปความก้าวหน้าอย่างคร่าวๆ นะครับ
ที่เห็นอย่างเด่นชัดก็คือ หุ่นยนต์ในปี 2009 มีความฉลาดทางสังคมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก มันเรียนรู้เรื่องอารมณ์ และสามารถที่จะสื่อสารทางอารมณ์กับมนุษย์ได้ดีขึ้น หุ่นยนต์ Simon ของสถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐจอร์เจีย (Georgia Institute of Technology) ที่เมืองแอตแลนต้า (ผมเคยไปเดินเล่นที่นี่ครับ) เรียนรู้ที่จะหยิบ รับ สิ่งของจากมนุษย์ โดยมันจะอ่านคำสั่งจากสายตา ท่าทาง ของเจ้าของมัน (อ่านที่
http://bit.ly/ujkpg) หุ่นยนต์ Robovie จาก Carnegie Mellon University อาศัยการสังเกตใบหน้า สายตา ท่าทางของมนุษย์ เพื่อสนทนาโต้ตอบ (อ่านต่อที่ http://bit.ly/5lSXse) หุ่นยนต์ Einstein ของ University of California San Diego สามารถเรียนรู้ใบหน้าตัวเองจากการมองกระจก มันจะลองผิด ลองถูก เพื่อเรียนรู้การทำใบหน้าเป็นอารมณ์ต่างๆ หัดทำหน้ายิ้มได้เอง (อ่านต่อที่ http://bit.ly/58vvzC) ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเขียนเรื่องหุ่นยนต์ที่สามารถพัฒนาการเอาตัวรอด มันเรียนรู้ที่จะหลอกเพื่อนของมัน เอาเปรียบเพื่อนของมัน ในขณะที่หุ่นยนต์อีกตัวที่สร้างมาพร้อมกัน กลับพัฒนาพฤติกรรรมในการช่วยเหลือ เกื้อกูล เพื่อนฝูง (อ่านต่อที่ http://bit.ly/3OzrR) ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่า พฤติกรรมดีชั่ว อาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ซึ่งสามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ นอกจากนั้น นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาลการี (University of Calgary) ในแคนาดา ยังสอนให้หุ่นยนต์ให้เรียนรู้อารมณ์ของเจ้าของ ทำให้มันรู้จักถอยห่าง เวลาเจ้าของอารมณ์เสีย (อ่าน paper นี้ได้ที่ http://bit.ly/7LVUk)