วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

หุ่นยนต์ กับ การดูจิต

นโม ตัสสะ ภควะโต อรหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ) ใคร่ขอ นำเสนอ ธรรมะ ต่อ ท่านผู้อ่าน ดังนี้

1) เคยดูหนังหุ่นยนต์ญี่ปุ่นไหม ? ที่มีหุ่นยนต์ตัวใหญ่ๆ มี มนุษย์เป็นคนขับ นั่งสั่งงานอยู่ภายใน คนขับหุ่นยนต์ เหล่านี้ ในหนังบางเรื่อง จะมีการโยง สายไฟฟ้าให้ การขยับแขน ขยับขา ได้ และตรงกับ การเคลื่อนไหว ของ หุ่นยนต์ที่ตนบังคับอยู่ ( เป็นแบบ real time).....อุปมาเหมือน กับ ร่างกายของเรากับจิตของเรา......ท่านผู้อ่าน ลองคิดดูนะว่า “.ร่างกายเป็นอะไร.? เป็น..ตัวหุ่นยนต์ หรือ คนขับ กันแน่ ?

2) ท่านผู้อ่าน ลอง ดูมือ ดูแขน ของท่าน ....ลองสั่งให้แขน ยกขึ้นซิ ...จะเห็นว่า มี สองจังหวะ ครับ...คือ คิดก่อน และ มีอะไรสักอย่าง ยกแขนขึ้นมา.....ลองดูใหม่นะ

3) ตอน พิมพ์ดีด เขียนบทความนี้ ....อะไรหนอ สั่งนิ้ว ...ดูให้ดีๆ นะ...*** คนที่ฝึก มหาสติฯ มาก่อน จะพบว่า มีจิต มีสติ และมี สมอง ...โดย พวกเขา จะทำจิตให้สงบๆ แล้วปล่อยให้” สติ” ไปสั่งสมอง สมองไปสั่งนิ้ว *** คนที่ฝึกสติมาน้อย...จะพบว่า มี สมอง กับ จิต ยังมองไม่เห็น เรื่อง สติ ชัดเจน หรือ ใช้สติไม่เต็มที่...ดังนั้น บ่อยครั้ง สมองกับจิต จึงทำงานร่วมกัน..... *** คนที่ไม่ได้ฝึกสติมาเลยนั้น....แยกไม่ออกว่า มีจิต มีสติ....พวกเขา เห็นแต่สมองเท่านั้น....ถ้ามีเหตุการณ์ กระเทือนจิตมากๆ เช่น โดนด่า อกหัก สูญเสียของรัก ฯลฯ...สติจะขาดทันที....จิตที่ร้อนลน เป็นอกุศล จะ พาให้ ตอบสนอง ทางกาย วาจา ใจ แบบอกุศล ก่อเวร ก่อกรรม

4) มิจฉาทิฐิ คือ การที่เรา ปล่อยให้ จิต กับ สมอง รวมตัวกัน ....ดังนั้น ถ้า จิตอกุศล ย่อมแน่นอนที่ สมองจะอกุศล และ ก่อ กาย วาจา ใจ ที่เป็น อกุศล.....นี่แหละ พวกเขา เหล่านั้น ขาดสติเป็นตัวขวางกั้น ไม่มีสติ เป็นตัวตัด จิต ออก จาก สมอง

5) ตอนที่เรา เดินนั้น ลองพิจารณาดูนะว่า “ ใครกำลังเดินอยู่.?” ลองออกไปเดินดู อย่าเพิ่งตอบ ...

6) ลองมโนภาพ ว่า ที่ในตัวเรา มีคนขับหุ่นยนต์อยู่ ( จิต) และ หุ่นยนต์ตัวใหญ่ ก็คือ ร่างกายของเรา ...ดังนั้น เวลา เดิน ใครเป็นคนเดิน ? หาพบหรือยังละ

7) ตอนที่เท้า กระทบพื้น รู้ได้อย่างไรว่ากระทบแล้ว.....สัญญา มันบอกว่ากระทบ ...มีเวทนาตามมาไหม....ปรุงแต่ง ( คิด ไปเรื่องอื่น คิดนอกเรื่อง คิดแตกแขนง ฝันกลางวัน ฯลฯ ต่อไหม ) .....ลองเดินดูนะ ....จิตนิ่งๆ สักแต่ว่า รู้ กระทบก็ให้รู้ว่ากระทบ ยกก็ให้รู้ว่ายก เหยียบก็ให้รู้ว่าเหยียบ.....แต่ จิตนิ่ง ( รักษา ความสงบ ภายในกาย ภายในใจ เอาไว้) .....เวลาเดิน บางคนเดินแบบ จิตไปสั่งให้เดิน อันนี้ก็ต้องดูให้รู้นะ ว่าจิต .....บางคน เดินไม่เป็น เอาแต่ บริกรรม ยก ย่าง เหยียบ...กลายเป็น ท่องจำ พร้อมเดินไปด้วย นี่แหละ เรียกว่า แบบขาดสติ...และ หลงทาง อีกต่างหาก...ถ้าโชคดีมี.ครูบาอาจารย์ที่หมั่นดู หมั่นแก้ให้ ก็ดีไป.....ถ้ากรรมมาบัง เรา ดันไปเจออาจารย์ที่ แยก สติ จิต กาย ยัง ไม่เป็น แต่ รีบร้อน มาสอน เราก็หลงทางไปพร้อมกับท่านนั่นแหละ

8) ทีนี้ เข้าใจไหม ใครเห็น ใครเดิน ใครกิน ใครคิด .....ตอบได้หรือยัง......แยก จิต กับ กาย ได้หรือยังละ

9) บางคน ที่ห่วง แต่ ความสวยความงามของร่างกาย ....นี่แหละเพราะ เขาอาจจะยังไม่เข้าใจว่า ...จิตของเราเป็น อมตะ...ไม่มีวันตาย.....จิตออกจากร่างกาย ก็อาจจะไปหา หุ่นยนต์ตัวใหม่อยู่ ...หรือ ??? คนที่ จิต กับ สมอง ปนกัน แยกไม่ออก ก็อาจจะไป ร่างใหม่ ที่ไม่ต้อง คิดมาก เช่น สัตว์ต่างๆ เพราะ ยังไม่เข้าใจ เรื่อง สติ ยัง หลงอยู่ แต่ คนที่ตายแล้ว จิตยังห่วงงาน ห่วงเมีย ห่วงสมบัติ ฯลฯ จิตก็กลายสภาพเป็นเปรต ไม่ หุ่นยนต์ (ไม่มี กายเนื้อ) คนที่ จิต โมโห โทโส ร้อนรุ่ม ก็ไปหาที่ ร้อนๆ อยู่ เช่น นรกบ้าง เป็น ยักษ์บ้าง ( ตามหลักวิทยาศาสตร์ จิตร้อน ยังเอาไปที่เย็นๆ ไม่ได้ เพราะ ก็เหมือน เอา ของร้อน จุ่มน้ำแข็ง ผลคือ แตกครับ ) คนที่จิตโลภมากๆ ก็ ไปเป็น เปรต เป็นอะไรไปตามเรื่องคนที่ จิตเป็นกุศล แต่ แยก สติไม่เป็น ทำบุญเป็น แต่ ทำความเข้าใจเรื่อง กาย เรื่องจิต ( แยก รูป แยกนาม ไม่ได้) เมื่อ จิตออกจากร่าง ก็ไปเป็น เทวดา เป็นคนสวย คนรวย ....เป็นเทวดา ไม่มีกายเนื้อ ไม่มีเวทนา....ไม่มีหุ่นยนต์ให้ขับอีก....ฝึกมหาสติฯ สี่อย่าง คือ กาย เวทนา จิต ธรรม พร้อมกัน ได้ไม่ง่ายนัก

10 ) ....จิตบางคนมีพลังมาก ขนาดไฟไหม้ยังยกตุ่มได้ .เจ็บปวดยังข่มเวทนาได้...เพ่งกสิณยังดัดช้อนให้งอ หรือ ตัดตะเกียบขาดได้.....แต่ “สติอยู่ตรงไหน? กลับหาไม่เจอ “ นี่แหละ....ฝึกกสิณได้แล้ว ก็ต้องมาฝึก วิปัสสนาต่อครับอย่าหยุดแค่นั้น

11) บางท่าน ฝึกเดินๆๆ จนเป็นสมถะ เห็น วงสีขาวๆกลางอก....บ้างเห็น ดอกบัว บาน หุบ ในนิมิต.....พอเราเตือนว่า “ใครเห็นนิมิต” ...พวกเขา.บางทีก็เถียงมาว่า “ เห็น อนิจจัง เห็นดอกบัว เกิดดับ. ครับ เห็นธรรม แล้วครับ นี่แหละ ปัญญา นี่แหละวิปัสสนา”... ผมขอบอกว่า อันนี้ไม่ใช่นะ...อันนี้ เป็น สมองของท่าน คิดเองนะ เป็นแค่ระดับสัญญาเท่านั้นหนา .ไปบังคับดอกบัวให้มันเกิด มันเหี่ยว .... อันนี้...ยังไม่ได้ ฝึก สติ ไม่ได้ฝึกปัญญาเลย...พวกนี้ ฝึกต่อไป ก็ได้ ฌาน ได้ฤทธิ์ ....หลงแล้ว !!! .... ยังหาทางออกจากวัฎสงสารไม่เจอ...ตายไปเป็นพรหมบ้าง .เทวดาบ้าง..หมดความเป็นพรหม ก็ลงมาเกิดใหม่....เป็นอะไรก็แล้วแต่กรรมที่ทำไว้.....ทีนี้ พอมาเป็นคน ก็ชอบฝึกฌานอีก. เป็นโยคี เป็นอาจารย์ ตายไป..ก็วนไปเป็นเทวดา เป็นพรหมอีก...วนไปวนมา...นี่แหละ หลงทาง....วนเสียให้เข็ด...วนจนกว่าจะหายโง่ขอให้เจริญในสติ ในปัญญา ตามดู ตามเข้าใจปัจจุบันธรรม ให้ได้นะ เอวังด้วยประการฉะนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น